วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวและบทความของบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด

ฮอนด้า ร่วมกับนักเขียน พลอย มัลลิกะมาส เปิดตัว ‘URBANISTA Guide To Town” หนังสือท่องเที่ยว



บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำหนังสือ ‘URBANISTA Guide To Town’ หรือ ‘คน เมือง ร้อย เรื่อง ราว’ โดยเชิญคุณพลอย มัลลิกะมาส นักเขียนรุ่นใหม่ เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์เพื่อการใช้ชีวิตในเมืองที่สมบูรณ์แบบ โดยมี ฮอนด้า ฟรีด เป็นรถคู่ใจในการเดินทาง


คุณอรนุช พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้ามีความมุ่งมั่นในสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้รถยนต์ฮอนด้ามาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับความสนใจและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ครั้งนี้จึงนับเป็นโอกาสดีที่เราได้จัดทำหนังสือ ‘URBANISTA Guide To Town’ ขึ้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว ได้เดินทางไปกับฮอนด้า เพื่อค้นหาประสบการณ์และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับชีวิต ผ่านหนังสือ ‘URBANISTA Guide To Town’ เล่มนี้”


หนังสือ ‘URBANISTA Guide To Town’ เล่มนี้ มีความพิถีพิถันในการออกแบบและใช้เวลาจัดทำนานกว่า 6 เดือน โดดเด่นด้วยเนื้อหาและเรื่องราวการเดินทางที่สอดแทรกแรงบันดาลในการใช้ชีวิต ที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้ ซึ่งตรงกับแนวคิดในการออกแบบรถยนต์ ฮอนด้า ฟรีด ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่ออิสระในการใช้ชีวิตของคนเมือง (Urbanista) ช่วยเติมเต็มความสุขของการใช้ชีวิตในเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่าทุกคนสามารถออกแบบการใช้ชีวิตได้ เพียงแต่มีจินตนาการและอิสระในความคิดที่สร้างสรรค์


หนังสือเล่มนี้เกิดจากสิ่งหนึ่งที่ฮอนด้าและคุณพลอย มัลลิกะมาส มีเหมือนกันนั่นคือ ความฝันที่ไม่หยุดนิ่ง ความ-มุ่งมั่นที่จะสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ฮอนด้าจึงได้เชิญคุณพลอย มัลลิกะมาส นักเขียนหนังสือเดินทางแนว ไลฟ์สไตล์ เป็นคนช่างคิด มีไลฟ์สไตล์ของตัวเอง สนุกกับการใช้ชีวิต และมีความสามารถในการนำเสนอผลงานการเขียนได้อย่างน่าสนใจ จึงทำให้หนังสือเล่มนี้มีความสมบูรณ์แบบทั้งเนื้อหาและงานศิลปะที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว พร้อมที่จะพาผู้อ่า1นทุกท่านเดินทางเพื่อค้นหาแรงบันดาลในการใช้ชีวิตไปด้วยกัน


ที่มา http://www.honda.co.th/th/news-release/index.php


วันที่ 20/08/2010






ยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าประจำเดือนกรกฎาคม 2553


บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในเดือนกรกฎาคม 2553 มีจำนวน 10,265 คัน และมียอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 62,047 คัน เติบโตขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 14.7% ของตลาดรถยนต์โดยรวม (422,364 คัน) และ 39.26% ของตลาดรถยนต์นั่ง (182,051 คัน)


โดยแบ่งออกเป็นรุ่นต่าง ๆ ดังนี้ ฮอนด้า ซิตี้ มียอดจำหน่าย 4,319 คัน มียอดสะสม 25,183 คัน คิดเป็น 26.9% และแจ๊ซ มียอดจำหน่าย 1,695 คัน มียอดสะสม 9,272 คัน คิดเป็น 9.9% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภท ซับคอมแพคท์ ส่วนฮอนด้า ซีวิค มียอดจำหน่าย 2,228 คัน มียอดสะสม 16,580 คัน คิดเป็น 33.0% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทคอมแพคท์ สำหรับฮอนด้า แอคคอร์ดมียอดจำหน่าย 699 คัน มียอดสะสม 3,665 คัน คิดเป็น 20.7% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทแฟมิลี่ ฮอนด้า ฟรีด มียอดจำหน่าย 214 คัน มียอดสะสม 1,917 คัน คิดเป็น 24.9% ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกลุ่มรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ MPV และฮอนด้า ซีอาร์-วี มียอดจำหน่าย 1,110


ที่มา http://www.honda.co.th/th/news-release/index.php


วันที่ 19/08/2010






ชมงานล้นหาดชะอำเงินสะพัดกว่า 150 ล้านบาท'ฮอนด้า'เน้นกลยุทธ์'Music Marketing'จัดคอนเสิร์ตเรกเก้-ร็อกโดนใจวัยมันส์


เอ.พี.ฮอนด้าและรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สุดแฮปปี้กลยุทธ์การตลาด "Music Marketing" ตีแตก!! โดนใจผู้ใช้และคนไทยทั่วประเทศ เมื่อเทศกาลดนตรีริมทะเลร็อกๆ เร็กๆ "Honda Scoopy i Reggae on the Rock ครั้งที่ 2" สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการทุบสถิติผู้เข้าชมเป็นประวัติการณ์ คลื่นมหาชนกว่า 3 แสนคนแห่ร่วมแจมความสนุกล้นทะลักหาดชะอำ คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 150 ล้านบาท นายโยอิจิ มิซึทานิ กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ความสำเร็จของการจัดมหกรรม สุดมันส์ร็อกๆ เร็กๆ "Honda Scoopy i Reggae on the Rock ครั้งที่ 2" ริมชาดหาดชะอำฝั่งเหนือ เมื่อวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม ต่อเนื่องวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เป็นมหกรรมดนตรีริมทะเลครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของประเทศ ด้วยการผสาน 2 ขั้วแนวดนตรีที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายร่วมกันที่สร้างความสุขความสนุกให้เกิดขึ้นในทุกๆ มิติ ซึ่งสอดคล้องความสนุกของฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่ใครก็ทำไม่ได้ ปีที่แล้วเรามียอดผู้มาร่วมสนุกกับเทศกาลคอนเสิร์ตกว่าแสนคน ซึ่งเป็นสถิติการเข้าชมคอนเสิร์ตในลักษณะนี้มากที่สุด ขณะเดียวกันผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงกับพื้นที่อำเภอชะอำ จ.เพชรบุรี มาร่วมงานมากมาย ฮอนด้าต้องขอขอบคุณคลื่นมหาชนทุกท่านที่มาร่วมสนุกในงานดังกล่าว ซึ่งสะท้อนภาพความสำเร็จของการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการรถจักรยานยนต์และวงการเพลง ถือเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจของฮอนด้า ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปอีกครั้ง ภาพของคลื่นมหาชนที่ปรากฏ ณ ริมหาดชะอำครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแต่จะทำให้ทุกท่านที่มาร่วมงานได้รับความสุขกับการแสดงดนตรีเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ ผู้ประกอบธุรกิจในทุกระดับ มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปกติ และตลอดปี 2553 ฮอนด้าจะดำเนินกลยุทธ์ Music Marketing ต่อไป โดยเฉพาะ Honda Scoopy i Reggae on the Rock จะมีการจัดอย่างต่อเนื่อง เรายืนยันมาเสมอว่าฮอนด้าเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย ดังนั้น การดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดใดๆ ฮอนด้าสำนึกดีและตั้งใจส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนไทยทุกคนและสังคมไทยในทุกภาคส่วน อย่างกลยุทธ์การตลาด Music Marketing ในครั้งนี้ก็เช่นกัน เราเลือกใช้ศิลปินเพลงที่มีคุณภาพ ตรงใจและตรงความต้องการผู้บริโภค รวมถึงการเลือกศิลปินมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรถฮอนด้าเราเลือกศิลปินไทยเสมอ ในงานนี้มีผู้สนใจทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติร่วมงานนี้กว่า 300,000 คน ทำให้มีเงินสะพัดที่หาดชะอำไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท เพราะโรงแรมต่างๆ ริมหาดชะอำและบริเวณใกล้เคียงถูกจองเต็มหมด และทราบว่าหลายแห่งขยับราคาห้องพักเต็มเพดาน เสมือนเป็นช่วงไฮซีซั่นเลยทีเดียว ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านค้าสะดวกซื้อ พ่อค้าแม่ค้า รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวขายสินค้ากันอย่างคึกคัก สร้างทั้งรายได้และความพอใจให้กับทุกฝ่าย จากภาพของงานที่ปรากฏให้เห็นถือว่าประสบความสำเร็จมาก คนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวจากการที่ฮอนด้าจัดกิจกรรมนี้ขึ้น.


ที่มา : ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- พฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม 2553 00:00:02 น.





HONDA ขอชี้แจง


จากคอลัมน์ ซาซือเจ๊ ฉบับ 2,254 กับประเด็น ฮอนด้า ''''''ชุ่ย'''''' อีกแล้วครับท่าน!! ซึ่งได้พูดถึงเรื่องของ เจ้าของรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ZX คนหนึ่ง ที่ได้รับบริการแบบไม่น่าประทับใจจาก ศูนย์บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงของฮอนด้า และการให้บริการของศูนย์บริการ สาขาบางบอน ซึ่งทางผู้เขียนคอลัมน์ ก็ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ กับกรณีกล่าวอ้างถึงศูนย์บริการผิดพลาด จากศูนย์บริการ บางบอน เป็นศูนย์บริการบางพลัด


เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนั้น เป็นเพราะเจ้าของรถ ประสบปัญหาเกียร์กระตุกขณะขับรถ และได้นำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์ฮอนด้า บางบอน แต่ครั้งแรก ไม่พบสิ่งผิดปกติ แถมท้ายรถกลับมีแพ็กน้ำไม่พึ่งประสงค์เพิ่มขึ้นมา ครั้นนำรถกลับมาขับ อาการกระตุกก็ยังเป็นไม่เลิก จึงนำกลับไปตรวจเช็กอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ พบอาการผิดปกติจริงๆ และทางศูนย์ก็ดำเนินการ เพื่อให้เจ้าของ นำรถเข้าศูนย์ เพื่อเปลี่ยนอะไหล่ที่เป็นสาเหตุแห่งการกระตุก


แต่...ด้วยความโชคร้าย คราวนี้ คงต้องบอกว่า โชคร้ายทั้ง เจ้าของรถ และ ฮอนด้า เลยว่างั้น


ความโชคร้ายของ เจ้าของรถ คือ โชคร้ายที่รถไปเกิดอาการและดับในที่เปลี่ยว แล้วก็ดันไปเจอกับผู้ไม่ประสงค์ดี ที่พร้อมจะทุบและฉกชิงรถ ครั้นเธอโทร.เข้าศูนย์บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงของฮอนด้า ก็โชคร้ายอีกที่โทร.ไม่ได้ โทร.ไม่ติด ความไม่พอใจที่สะสมอยู่ตั้งแต่ครั้งแรก ที่รถเกิดอาการ แต่ศูนย์กลับตรวจไม่พบ และเมื่อพบแล้ว ยังมีขั้นตอนในการแก้ไข ที่ไม่ทันใจคนทำงาน ที่ต้องใช้รถทุกวันเช่นเธอ ผลก็คือ ความรู้สึกที่เสียหาย กับแบรนด์ ฮอนด้า ที่เธอบอกตั้งแต่ต้นเลยว่า แบรนด์นี้ คือแบรนด์รถในดวงใจ


ส่วนความโชคร้าย ของ ฮอนด้า คือ เหตุที่เกิดขึ้น เผอิญมาเข้าหูสื่อ ผลก็คือ นอกจากภาพลักษณ์ที่เสียในสายตาและความรู้สึกของ เจ้าของรถ แล้ว ภาพลักษณ์ของ ฮอนด้า ยังเสียหาย เพราะข่าวเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ลงในคอลัมน์ ซาซือเจ๊ ด้วย


ผู้บริหารของ ฮอนด้า จึงเข้าพบ และชี้แจงที่มาที่ไปกับ ฐานเศรษฐกิจ และยอมรับในข้อผิดพลาดของการตรวจเช็ก และเล่าถึงความคืบหน้าว่า จริงๆ แล้ว ในวันที่หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,254 วางแผง ขั้นตอนการทำงาน และการส่งรถคืนให้ลูกค้า ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และระหว่างที่รถเข้าศูนย์ซ่อม ทางบริษัทก็จัดการนำรถสำรองให้ลูกค้าใช้ชั่วคราว เพราะทราบว่าเจ้าของรถมีภารกิจที่ต้องใช้รถเป็นประจำทุกวัน


แต่ไหนๆ ผู้บริหารของ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ให้เกียรติกับ ฐานเศรษฐกิจ เข้ามาชี้แจงแถลงไขกันแล้ว เราเลยขอถามให้เคลียร์ๆ ว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น กับความกระตือรืนร้นในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ เกิดขึ้นเพราะเรื่องมันกลาย เป็นข่าว ไปแล้วหรือเปล่า ซึ่งคำตอบที่ชัดเจน คือ ไม่เกี่ยวเลย เพราะทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอน และฮอนด้าก็พร้อมจะดูแลและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอยู่แล้ว วันที่หนังสือพิมพ์วางแผง วันนั้นภารกิจการแก้ไขปัญหาทุกอย่างก็จบสิ้นไปแล้วอย่างที่บอก เพราะฉะนั้น คอนเฟิร์มว่า ไม่ใช่ว่าเป็นข่าวแล้ว บริษัทถึงเร่งแก้ไข ขอให้ลูกค้าทั้งหลายสบายใจได้


และอีกหนึ่งคำถาม ที่เป็นข้อข้องใจของลูกค้า ที่มีประสงค์จะซื้อรถทั้งหลาย หรือไม่ได้ประสงค์จะซื้อก็ตามที แต่มักได้ยินกันบ่อยๆ ว่า การซื้อรถก็เหมือนแทงหวย...ซื้อแล้วต้องมาลุ้นว่า จะถูกหรือไม่ถูก ที่ว่าถูกหรือไม่ถูกนี้ หมายถึง ใช้ได้ดีหรือไม่ได้ดี เนื่องจากรถยนต์แต่ละล็อต แต่ละรุ่น จะมีแจ๊ก


พอต รถที่มีปัญหาอยู่ทุกรุ่น ตาดีก็ได้ตาร้ายก็เสีย ก็เหมือนสาวเจ้าของรถฮอนด้า ซิตี้ ZX ที่เกิดเป็นกรณีขึ้นมานี่แหละ แจ๊กพอตเข้าอย่างจังกับความผิดพลาดที่เกิดจากชิ้นส่วนของในกระปุกเกียร์ แต่รถยนต์ราคาไม่ใช่บาทสองบาท ต้องจ่ายเป็นแสน บางคันก็เป็นหลักล้าน หากจะต้องมานั่งเสี่ยงทาย ว่าซื้อมาแล้วจะซวยมั้ย จะแจ๊กพอตเจอคันที่มีปัญหามั้ย แบบนี้ลูกค้าที่ไหนก็ทำใจไม่ได้นะขอรับ


จากคำถามนี้ ผู้บริหารให้คำตอบชัดเจนอีกเช่นกันว่า เทคโนโลยีที่ใช้ในรถ เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ก็เหมือนคอมพิวเตอร์นั่นแหละ ที่สามารถ error สามารถรวนได้ เพราะฉะนั้น จึงเป็นไปได้ที่รถยนต์ จะเจอโปรแกรม error เช่นกัน เพียงแต่ว่า...บริษัทผู้ให้บริการ อย่างฮอนด้า เขามีวิธีในการซุ่มตัวอย่าง มีวิธีค้นหาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความผิดพลาดของระบบการทำงานของรถให้กับลูกค้าของเขา เช่น มีการแจ้งว่ารถคันนี้มีปัญหา บริษัทก็จะส่งพนักงานไปเยี่ยมลูกค้า ตรวจสอบดูว่าปัญหาเกิดจากอะไร ข้อผิดพลาดเกิดจากอะไร หลังจากนั้นก็จะแก้ไข และให้การดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี


หากจะพูดอย่างเป็นกลาง ก็ต้องยอมรับว่า อิเล็กทรอนิกส์ มันเป็นเทคโนโลยีที่มีปัญหาได้จริงๆ ก็ขนาดเครื่องบินยังตกได้ ทำไมรถจะมีปัญหากับระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องยนต์ไม่ได้ แต่...ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของบริษัทเจ้าของรถนั่นแหละ ที่จะติดตามดูแลแก้ไข ปัญหาให้กับลูกค้าของเขาได้ดี และทันกาลแค่ไหน และนั่นคือความประทับใจ ที่จะมีต่อๆ ไปในอนาคต


ที่มา : ข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ http://news.thaieasyjob.com/economic/show_news-8113-5.html






ฮอนด้าปรับเป้าปีนี้ เพิ่มเป็น 1.1 แสนคัน


บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและ ส่งออกรถยนต์นั่งรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ฮอนด้าช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 อยู่ที่ 51,782 คัน เพิ่มขึ้น 30% จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (39,967 คัน) ส่งผลให้ฮอนด้ามีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.5% และติดอันดับท็อป 3 ในตลาดรถยนต์ของประเทศไทย


ผลประกอบการดังกล่าวมาจากยอดขายรถยนต์รุ่นที่ขายดี ของฮอนด้าคือ ฮอนด้า ซิตี้ และซีวิค และที่เปิดตัวล่าสุด คือ ฮอนด้า ฟรีด ที่ปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาดรถเอ็มยูวี (รถยนต์นั่งอเนก ประสงค์) รวมถึงรถรุ่นอื่นๆ ของบริษัทฯ อาทิ ฮอนด้า แจ๊ซ แอคคอร์ด และซีอาร์วีด้วย


มร.อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "เรามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งในศักยภาพการเติบโตของตลาดรถยนต์ประเทศไทย พิจารณาจากเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ระดับรายได้ที่สูงขึ้น และนโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย เราเชื่อว่าตลาดรถยนต์จะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะยาว และส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งจะขยับขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกันกับรถปิกอัพที่ จำหน่ายในประเทศไทยภายในอีกครึ่งทศวรรษข้างหน้า"


ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 ตลาดรถยนต์โดยรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตรา 154% เป็น 356,692 คัน ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งเติบโตเพิ่มขึ้น 160% เป็น 153,273 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43% ของตลาดรถยนต์โดยรวม ฮอนด้าเชื่อว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะมียอดขายรวมอย่างน้อย 650,000 คันในปี 2553 เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ประมาณ 20% และคาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศจะเพิ่มขึ้นถึง 800,000 คันในอีกสามปีข้างหน้า


มร.ฟูจิโมโตะ กล่าวว่า ความสำเร็จของฮอนด้าในประเทศไทยเป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของ บริษัทฯ ที่จะทำความเข้าใจความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และสนองตอบให้เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า ด้วยการนำเสนอรถยนต์คุณภาพที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นมีสไตล์ ขับขี่สนุก และประหยัดเชื้อเพลิง จากกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์และรถยนต์คุณภาพของ บริษัทฯ ทำให้ฮอนด้าปรับเป้ายอดขายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 110,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 17% ของตลาดรถยนต์โดยรวม


"เราตั้งใจจะทำให้ฮอนด้าเป็นแบรนด์ที่เป็นที่ต้องการและได้รับความนิยม สูงสุดในประเทศไทย ด้วยการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ให้เหนือกว่าความต้องการในการขับขี่ของลูกค้า รวมไปถึงตอกย้ำความเชื่อถือและความเชื่อมั่นของลูกค้า พูดง่ายๆ ก็คือ เราอยากจะให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ฮอนด้าเป็นเพื่อนที่เข้าใจความต้องการและ ไลฟ์สไตล์ของเขา" มร.ฟูจิโมโตะ กล่าว


นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริโภคชาวไทยค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความต้องการในการขับขี่จากรถปิกอัพและรถซีดานขนาดใหญ่มาเป็นรถ ขนาดเล็กที่ประหยัดเชื้อเพลิง ดีไซน์เท่ ให้สมรรถนะและระดับความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่ราคาน้ำมันซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังสูงอยู่ และความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นในหมู่คนซื้อรถก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ เร่งให้เกิดกระแสดังกล่าว


การที่ผู้บริโภคเลือกใช้รถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นแนวโน้มที่ดี สำหรับฮอนด้า ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวรถอีโคคาร์ในเมืองไทยในปี 2554 ซึ่งรถอีโคคาร์ของฮอนด้าที่ได้รับการออกแบบสไตล์สปอร์ตและประหยัดน้ำมันจะ เป็นสมาชิกใหม่ในสายผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าที่คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างท่วม ท้นจากผู้บริโภค เมื่อออกสู่ตลาดในปีหน้า


"ฮอนด้าก้าวนำหน้าเทรนด์ใหม่ๆ ในตลาดเสมอ เราเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ที่เข้าร่วมโครงการรถอีโคคาร์ของประเทศไทย และได้ลงทุนไปกว่า 6,200 ล้านบาทในโรงงานผลิตแห่งที่ 2 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพราะเชื่อว่ารถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อน อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยให้ก้าวไปข้างหน้า" มร.ฟูจิโมโตะ กล่าว


ถึงวันนี้ฮอนด้าได้ลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 21,000 ล้านบาท ทำให้เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนต่างชาติรายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันโรงงานผลิตระดับโลกในประเทศไทยของบริษัทฯ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก เป็นรองเพียงโรงงานผลิตในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐ จีน แคนาดา และอังกฤษ โดยเป็นโรงงานที่มีสภาพแวดล้อมปลอดภัยและเอื้อต่อการทำงานที่สุดแห่งหนึ่งใน อุตสาหกรรมยานยนต์


ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- เสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 2553 00:00:16 น.






สนุกทุกที่ถ้ามีแจ๊ซ...


เมื่อเร็วๆ นี้ทางบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการออกสปอร์ตโฆษณารถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูขึ้นทางโทรทัศน์โดยถือเป็นรถยอดนิยมที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่น ใหม่ได้อย่างลงตัวทั้งด้านดีไซน์ และประโยชน์ใช้สอยสามารถสร้างสรรค์ไอเดียสนุกๆ ใหม่ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาโดยนำเสนอคอนเซ็ปท์ผ่านฮอนด้าแจ๊ซ 3 สีโดดเด่นทั้งสีเหลือง สีฟ้า และสีขาว


อย่างไรก็ตามบริษัท เอเยนซี ที่ร่วมจัดทำ คือ บริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ คือ บริษัท มาโชแมงโก้ จำกัด ภายใต้ชื่อภาพยนตร์โฆษณา คือ Fun Everywhere


โดยผลงานดังกล่าวถือเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ความสนุกผ่านสีสันที่ เชื่อมต่อกันได้ให้กับเพื่อนๆ ในการทำกิจกรรมอินเทรนด์ต่างๆ จากฮอนด้า แจ๊ซ ซึ่งสามารถส่งต่อความสนุกไปถึงผู้ที่ใช้ฮอนด้าแจ๊ซได้อีกมากมายจนเกิดเป็น ความสนุกไปทุกที่ และหลากหลายความสนุกกว่าที่เคย


ด้วยเพลงประกอบที่ร้องโดยคุณเจ-เจตมนต์ มละโยธา ภายใต้สังกัด Small Room ซึ่งทำเพลงโฆษณาที่มีเนื้อหาติดหู และฮอตฮิตจนได้รับรางวัลเพลงโฆษณา Bad Award 3 ปีซ้อน สำหรับเพลง Jazz Everyone ในครั้งนี้เป็นแนวเพลง POP ROCK ที่มีทำนอง สนุกสนาน น่ารักสดใสโดดเด่นด้วยเสียงกลอง และเสียงกีตาร์สุดเปรี้ยว


พร้อมการร้องแบบซนๆ ทำให้เพลงนี้ฟังแล้วยิ่งคึกคักสนุกสนานยิ่งขึ้นสมกับคอนเซ็ปท์ Jazz Everyone...Fun Everywhere นั่นเอง...


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2553 02:59:12 น.






พบความสนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้นกับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตปีที่ 4 ใน ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส 2010

ความเร้าใจใหม่ใน ซีวิค วันเมคเรซ ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 225 แรงม้า นับเป็นการแข่งขันวันเมคเรซที่มีเครื่องยนต์แรงที่สุดในประเทศไทย


• เปิดตัวสนามแข่งความยาว 2.2 กิโลเมตรใหม่ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองไทย


• สร้างสรรค์กิจกรรมบันเทิงภายใต้แนวคิด ”ฮอนด้า ฟัน ปาร์ค” สำหรับครอบครัวและเด็ก ๆ ที่เข้าชมงาน


วันนี้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศ เปิดงาน ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส 2010 ซึ่งจัดขึ้นในปีนี้เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน โดยถือเป็นกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตที่มีความสนุกสนานและตื่นเต้นที่สุดงานหนึ่งของประเทศไทย และได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักแข่งและแฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ต ไฮไลต์ของปีนี้ที่จะทำให้อะดรีนาลีนของบรรดานักแข่งสมัครเล่น กึ่งอาชีพและอาชีพสูบฉีด รวมถึงจะทำให้ผู้เข้าชมการแข่งขันได้รับความสนุก ตื่นเต้นและเร้าใจยิ่งขึ้น ได้แก่ การปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ใน ซีวิค วันเมคเรซ จากเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรใหม่ ที่มีสมรรถนะสูงถึง 225 แรงม้า นับเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่เคยใช้ในการแข่งขันวันเมคเรซในประเทศไทย และสนามแข่งขันแห่งใหม่ความยาว 2.2 กิโลเมตรในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศไทย


มร. อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “การจัดกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตอย่าง ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส นี้นับเป็นโอกาสดีที่ฮอนด้าจะได้พิสูจน์ถึงเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและสมรรถนะของรถยนต์ พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็น แบรนด์รถยนต์ที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ขณะเดียวกันก็เป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงฮอนด้ากับลูกค้าที่ชื่นชมกีฬามอเตอร์สปอร์ตอีกด้วย”


มร. ฟูจิโมโตะ กล่าวว่า นักแข่งและผู้ชื่นชมกีฬามอเตอร์สปอร์ตจะพบกับความเร้าใจและความท้าทายใหม่ๆ ด้วยรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค 2.0 ลิตร 225 แรงม้า จากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และสนามแข่งขันเฉพาะกิจแห่งใหม่ที่ จ. ภูเก็ต “เราตั้งใจที่จะสร้างให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจเพิ่มขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้นิยมกีฬาแข่งรถชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้าร่วมในกิจกรรม ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมุ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศสู่จังหวัดที่จัดการแข่งขัน โดยในปีนี้เราจะจัดการแข่งขันที่สนามแข่งในจังหวัดเพชรบุรี พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่ง ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส จะดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่จังหวัดเหล่านี้แน่นอน” มร. ฟูจิโมโตะ กล่าว


ในการแข่งขัน ซีวิค วันเมคเรซ จะมีนักแข่งกึ่งอาชีพและอาชีพร่วมแข่งขันจำนวนกว่า 15 คน (คลาส-เอ บี และซี) ด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตของ รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค และการปรับแต่งเพื่อใช้ในการแข่งขันวันเมคเรซ โดยเริ่มแข่งขันเมื่อสองปีที่ผ่านมา ฮอนด้า ซีวิค นับเป็นรถแข่งที่ได้รับความนิยมจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยด้วยคุณสมบัติด้านความปราดเปรียว การบังคับควบคุมและสมรรถนะ การเพิ่มแรงม้าให้สูงขึ้นในรถยนต์ฮอนด้า ซีวิคในครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อมอบประสบการณ์การแข่งขันที่เร้าใจแก่ผู้เข้าแข่งขัน การแข่งขัน ซีวิค วันเมคเรซ ในปีนี้จะใช้เครื่องยนต์ที่แรงที่สุดที่เคยใช้ในการแข่งขันวันเมคเรซในประเทศไทย


อีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นและมีนักแข่งและแฟนมอเตอร์สปอร์ตเข้าร่วมมากมายได้แก่ การแข่งขัน แจ๊ซ วันเมคเรซ ซึ่งปีนี้มีนักแข่งสมัครเล่น 20 คน (คลาส ซี) จะลงสนามแข่งขันด้วยรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ 120 แรงม้า


ภายใต้ข้อกำหนดที่เข้มงวดของฮอนด้า การแข่งขัน แจ๊ซ วันเมคเรซ และ ซีวิค วันเมคเรซ จะเข้มข้นเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้เข้าแข่งขันจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดัดแปลงรถยนต์ของตนเพิ่มเติมได้ นอกจากการแข่งขันแจ๊ซ วันเมคเรซและซีวิค วันเมคเรซแล้ว ยังมีนักขับมืออาชีพและกึ่งมืออาชีพมากกว่า 30 คนที่เข้าแข่งขันใน ฮอนด้า โปรคัพ และนักแข่งมือสมัครเล่นอีกกว่า 30 คนที่เข้าแข่งขันใน ฮอนด้า คลับเรซ


สำหรับผู้ชนะการแข่งขันประจำปีในรายการ แจ๊ซ วันเมคเรซ และ ซีวิค วันเมคเรซ และ ฮอนด้า โปรคัพ จะได้รับถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ


มร. ฟูจิโมโตะกล่าวเพิ่มเติมว่า “ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่ฮอนด้าให้ความสำคัญในอันดับแรกเสมอ และเราได้ร่วมมือกับทางผู้จัดการแข่งขันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส มีมาตรการความปลอดภัยสูงสุดทั้งสำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชม นอกจากนี้ เรายังมุ่งให้ผู้เข้าร่วมงาน ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟสทุกคน รวมทั้งนักแข่ง แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต ตลอดจนประชาชนที่สนใจทั่วไปได้รับความสนุกสนานอย่างเต็มที่อีกด้วย”


ปีนี้ ฮอนด้าตั้งใจจะให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส ในเรื่องความปลอดภัยในท้องถนนและความปลอดภัยของการแข่งขัน และเรียนรู้หลักเกณฑ์พื้นฐานที่จำเป็นในการควบคุมบังคับรถยนต์ ข้อเตือนใจในด้านความปลอดภัย รวมทั้งการให้คำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อให้ทราบถึงการแข่งขันควรทำในสนามแข่งขันเท่านั้น ไม่ใช่บนท้องถนน


ผู้ร่วมงาน ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส ในปีนี้จะได้พบกับกิจกรรมที่จัดขึ้นที่บริเวณรอบนอกของสนามแข่งขัน ซึ่งจะเพิ่มความคึกคักและมอบประสบการณ์ความสนุกสนานสำหรับครอบครัวและเด็ก ๆ ภายใต้บรรยากาศ “ฮอนด้า ฟัน ปาร์ค” โดยฮอนด้าจะจัดโซนพิเศษที่ประกอบด้วยสวนน้ำ คิดโซน โกคาร์ท เกมส์โซน มินิคอนเสิร์ต ชอปปิ้งสตรีท ฟู้ดสตรีท และออโต้ซาลอนที่แสดงรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์สปอร์ตของฮอนด้า


สำหรับผู้ชมที่ประสงค์จะสัมผัสประสบการณ์ของการแข่งขันทั้งในและนอกสนามแข่ง สามารถเข้าร่วมกิจกรรม ฮอนด้า พิททัวร์ เพื่อชมการทำงานของทีมแข่งและพบปะนักแข่งในบริเวณพิท ฮอนด้า ฮอทแล็ป ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีประสบการณ์แข่งขันในสนามแข่งขันโดยร่วมนั่งในรถแข่งกับผู้ขับที่เป็นนักแข่งขันระดับมืออาชีพ รวมทั้ง ฮอนด้า แทร็ค เอ็กซ์พีเรียนซ์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมนำรถยนต์ฮอนด้าของตนลงขับในสนามแข่งขันด้วยตนเอง


ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส 2010 จะจัดขึ้น ณ สนามแข่งขันถาวรและชั่วคราวทั้งหมดห้าสนามในสี่จังหวัด โดยจะเริ่มที่จังหวัดเพชรบุรี (แก่งกระจาน รอบแรก วันที่ 20 มิ.ย.) พัทยา (สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต รอบ 2 และ 3 วันที่ 28-29 ส.ค.) เชียงใหม่ (สนามกีฬาฯ 700 ปี รอบ 4 วันที่ 10 ต.ค.) และปิดท้ายที่รอบ 5 ณ สนามแข่งเฉพาะกิจแห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ตที่สนามกีฬาสะพานหิน ซึ่งจะแข่งขันในวันที่ 28 พฤศจิกายน


ฮอนด้าเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติหลายรายการ


ที่มา : http://www.honda.co.th/th/news-release/index.php


วันที่ : 02/06/2010






ฮอนด้า จัดโครงการ “ฮอนด้า อาซิโม ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 6”


กลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทยขอเชิญเพื่อนๆ สื่อมวลชน สัมผัสกับพัฒนาการของจินตนาการเด็กไทยในโครงการ “ฮอนด้า อาซิโม ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 6”พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมเวิร์คช้อป เสริมเทคนิคการประดิษฐ์โมเดล อย่างง่ายๆ แต่สร้างสรรค์ด้วยตัวเอง


วันพุธที่ 18 สิงหาคม 2553 เวลา 13.00 — 16.00 น. ณ ห้องแกรนด์รัชดาบอลรูม ชั้น 5 อาคารธารทิพย์ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค (รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีรัชดา)


พบกับกิจกรรมดีๆ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์เด็กไทย ได้แก่


? พูดคุยกับอดีตแชมป์ ฮอนด้า อาซิโม ซูเปอร์ ไอเดีย


คอนเทสต์...แรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จในวันนี้


? เวิร์คช้อปการสร้างโมเดลให้เคลื่อนไหวได้ด้วยกลไก


ของเล่น” โดยกลุ่มรุ่งอรุณ


? เทคนิคการเติมศิลปะ เพิ่มสีสันให้กับผลงาน


โดย โรงเรียนศิลปะเด็กไทยสร้างสรรค์


ที่มา : ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- พุธที่ 11 สิงหาคม 2553 14:44:24 น.


กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์






บทพิสูจน์แห่งความลงตัว ที่ดันยอดขายฮอนด้า ฟรีดล้น!


เมื่อเร็วๆ นี้ทางบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าล่าสุดโดยมีจำนวน 7,846 คัน และมียอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน 29,739 คัน เติบโตขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 13.3% ของตลาดรถยนต์โดยรวม (223,930 คัน) และ 29.9% ของตลาดรถยนต์นั่ง (92,521 คัน)


โดยแบ่งออกเป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้ ฮอนด้า ซิตี้ มียอดจำหน่าย 3,008 คัน มียอดสะสม 11,447 คัน คิดเป็น 24.9% และแจ๊ซ มียอดจำหน่าย 1,237 คัน มียอดสะสม 4,570 คัน คิดเป็น 9.9% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทซับคอมแพคท์


ส่วนฮอนด้า ซีวิค มียอดจำหน่าย 2,374 คัน มียอดสะสม 8,496 คัน คิดเป็น 30.6% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทคอมแพคท์ สำหรับฮอนด้า แอคคอร์ดมียอดจำหน่าย 424 คัน มียอดสะสม 1,828 คัน คิดเป็น 18.2% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทแฟมิลี่ฮอนด้า ฟรีด มียอดจำหน่าย 265 คัน มียอดสะสม 1,285 คัน คิดเป็น 30% ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกลุ่มรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ MPV และฮอนด้า ซีอาร์-วี มียอดจำหน่าย 538 คัน มียอดสะสม 2,113 คัน คิดเป็น 12.9% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภท SUV/PPV


อย่างไรก็ตามหากเรามาย้อนมองกันถึงรถที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เพียงไม่กี่ เดือนหลายๆ คนคงต้องยอมรับว่า ฮอนด้า ฟรีด ถือเป็นรถที่เติบโตได้ดีที่เดียวซึ่งสาเหตุของการเติบโตได้ดีในขณะนี้คงเป็น เพราะฮอนด้า ฟรีด ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ซึ่งต้อง การรถยนต์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ และการขับขี่จริงๆ


หลายๆ ท่านคงจำได้ว่า หลังจากที่ค่ายฮอนด้า ออโตโมบิล เปิดตัวรถอเนกประสงค์ฮอนด้าฟรีดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทางฮอนด้าก็นำคณะสื่อมวลชนไปร่วมทดสอบถึงสมรรถนะของผลิตภัณฑ์


โดยการทดสอบนี้คณะสื่อมวลชนได้นำรถรุ่นท็อปสุดที่มีระบบนำทาง หรือ เนวิเกเตอร์มาทดลองขับโดยใช้เส้นทางจากโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ไปหัวหิน และในวันรุ่งขึ้นก็ขับกลับมาจบที่โรงแรมที่เดิมรวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตรแต่ก็ผลัดกันขับผลัดกันนั่งกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอื่นๆ


ทั้งนี้ฮอนด้า ฟรีด มีความยาว 4,215 มิลลิเมตร(ฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร) กว้าง 1,700 มิลลิเมตร สูง 1,735 มิลลิเมตร(ความสูงภายในห้องโดยสาร 1,265 มิลลิเมตร) ผสานการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครโดยใช้ประโยชน์จากรูปทรงสาม เหลี่ยม และสี่เหลี่ยมซึ่งให้ทั้งความรู้สึกแข็งแกร่งไดนามิก และความกว้างขวางสะดวกสบาย


อย่างไรก็ตามจุดเด่นของฮอนด้าฟรีดคงหนีไม่พ้นเรื่องของระบบประตูสไลด์ ไฟฟ้าที่ถือเป็นจุดขายของเจ้าฟรีดคันนี้ เพราะถือว่าฉีกแนว และตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการขึ้นลงของผู้โดยสารได้ดีทีเดียวโดยฮอนด้า ฟรีด มีประตูเลื่อนแบบอัตโนมัติซ้าย-ขวา เปิดได้กว้างสุด 600 มิลลิเมตร ให้ความสะดวกแก่เด็ก และคนชราในการขึ้น และลงรถ นอกจากนั้นการก้าวขึ้นและลงยังสะดวกสบายเพราะพื้นรถยนต์สูงกว่าพื้นถนนเพียง 410 มิลลิเมตรเท่านั้น


ต่อมาคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกประการหนึ่ง คือ คอนโซลหน้าแบบ 2 ชั้นออกแบบให้กว้าง และสามารถใช้งานได้หลากหลาย การออกแบบยังเน้นความรู้สึกกว้างขวาง และเหมาะแก่การใช้งานเพราะสามารถวางอาหาร หรือ เครื่องดื่มได้ด้วย


ในแง่ของเครื่องยนต์ฮอนด้า ฟรีด ติดตั้งเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร ขนาด 118 แรงม้าระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด Shift Hold Control Transmission ใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และมีค่ามาตรฐานไอเสียเทียบเท่าระดับยูโร 4


ซึ่งในแง่ของการขับขี่นั้นหลังจากที่ได้ทดสอบแล้วจัดว่า ตอบสนองสมตัว กำลังดี ไม่อืดหรือไม่แรงเกินความเป็นรถแบบครอบครัวเพราะอัตราการเร่งแซงในช่วงต้นๆ นั้นทำได้ดีส่วนช่วงปลายไม่ค่อยไหลเท่าที่ควร


ทั้งนี้ช่วงเวลาแห่งการขับขี่เรียกว่า ฟรีดให้ทัศนวิสัยการมองที่กว้างขวางชัดเจนดี เรือนไมล์สีน้ำเงิน รูปทรงใหม่ดูทันสมัย นอกจากนี้การเก็บเสียงจากภายนอกค่อนข้างประทับใจส่วนระบบช่วงล่างถือว่านิ่ง เกาะถนนสมกับราคาจริงๆ


นับว่าเป็นการเปิดตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กที่น่าจับตาทีเดียวในยุคที่ หลายๆ ฝ่ายมองหาในเรื่องของความประหยัดแต่ใช้งานอเนกประสงค์ในหลายๆ ด้าน


ฮอนด้า ฟรีด มีให้เลือกสี่รุ่น คือ รุ่น S รุ่น E รุ่น E Sport และรุ่น E Navi Sport โดยฮอนด้า ฟรีด S ราคา 894,500 บาท ฮอนด้า ฟรีด E ราคา 974,500 บาท ฮอนด้า ฟรีด E Sport ราคา 1,014,500 บาท และฮอนด้า ฟรีด รุ่น E Navi Sport มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์ เครื่องเล่นดีวีดี กล้องส่องภาพด้านหลัง กระจังหน้าแบบสปอร์ต ไฟตัดหมอกคู่หน้า สปอยเลอร์หลัง คิ้วบันไดสแตนเลส และหัวเกียร์หุ้มหนัง จำหน่ายในราคา 1,074,500 บาท


ท้ายนี้คงบอกได้ว่า การที่ฮอนด้า ฟรีด มียอดจำหน่ายที่สูง และเติบโตได้ดีขนาดนี้คงอาจชี้ให้เห็นถึงบทพิสูจน์ศักยภาพ สมรรถนะ การยอมรับ และความลงตัวทั้งราคาที่สอดคล้องกับคุณภาพของตัวรถ


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2553 09:01:05 น.






แจ๊ซ, ซีวิค, ซีอาร์-วี คว้ารางวัลความพึงพอใจ


รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งด้านออกแบบ และสมรรถนะ (Automotive Performance, Execution and Layout-APEAL) ประเภทรถยนต์นั่งขนาด Entry Midsize ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ส่วนฮอนด้า ซีวิค ก็ได้รับรางวัลนี้เช่นกันในประเภทรถยนต์นั่ง ขนาด Midsize


นอกจากนี้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งด้านคุณภาพ (Initial Quality Study-IQS) ประเภทรถยนต์นั่งสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ในประเทศไทย จากรายงานของ J.D. Power Asia Pacific 2009


รายงานการศึกษาด้านการออกแบบและสมรรถนะนี้ เป็นการวัดความพึงพอใจของเจ้าของรถยนต์ใหม่ที่มีต่อสมรรถนะ ระบบการทำงานและรูปลักษณ์ โดยครอบคลุมระบบต่างๆ ในรถยนต์ 8 ระบบ ได้แก่ เครื่องยนต์/ระบบส่งกำลัง, ค็อกพิต/แผงหน้าปัด, ระบบขับขี่/การควบคุม/เบรก, ระบบปรับอากาศ, ความสะดวกสบาย, ระบบเครื่องเสียง, เบาะที่นั่งและการออกแบบรถ


ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- พุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 09:24:06 น.


News and Activity

Honda sets 2012 electric car date



Honda is to start selling electric cars in the US and Japan in 2012.
It will also launch a plug-in hybrid in the same year as it joins the race to manufacture more environmentally-friendly cars. Honda's president said the firm had "no future" without making vehicles that emitted less carbon dioxide.It is the first time the firm, which already makes the Insight and CR-Z hybrids, has set a firm date for launching electric cars.
True test'
Honda's Japanese rival Nissan is already taking orders for its Leaf electric car - due in Japan and the US later this year.
Meanwhile, Toyota is planning an electric vehicle model for 2012. Honda Motor president Takanobu Ito said: "The next 10 years will be true test for Honda's survival.



"Honda has no future unless we achieve significant reduction in CO2 emissions."

From : http://www.bbc.co.uk/news/business-10696095

Honda Phuket Bt50m renovation complete

PHUKET: Anticipating continued strength in local auto sales, Honda of Phuket has invested some 50 million baht to renovate its dealership on Phang Nga Rd in Phuket Town

The new facility's service bays enable maintenance of up to 40 vehicles per day.

Montri Hongyok, managing director of Anuphas Wiwitgarn Co Ltd, said: "Renovation of the showroom and service center are complete after investment of 50 million baht. The showroom is now larger and can conveniently display up to five vehicles, while the increased capacity at our service center allows maintenance and repair of 40 cars per day."

The company, authorized dealer for Honda cars in Phuket and Phang Nga, expects sales to top 1,600 cars from its three dealerships.

Anuphas Wiwitgarn Co Ltd also operates a large showroom on Chao Fa West Road in Wichit and a third dealership in Phang Nga's Takua Thung District, just across the Sarasin Bridge from Phuket.

"The car market in Phuket remains strong. Some 700 to 800 new cars are registered each month here, roughly 180 of which are Hondas. We sold more than 1,000 cars during the first six months of this year, and our target for the year is 1,600," Mr Monti said.
Sales are chiefly of smaller models like the Jazz, City and CRV.

The stumbling economy, however, has resulted in fewer car sales overall in Thailand, Mr Montri said.

This has forced leading car makers "to reduce investment in line with the shrinking market," he added.

To ensure customer satisfaction in the increasingly competitive market, Mr Montri said Honda Phuket has implemented a booking system whereby those needing service can telephone the service center, which then appoints a date and time for repairs.

"Our new facilities are much more modern," he explained. "The showroom has been redesigned to make customers feel at home. We've installed a Tiny Coffee branch, a reading area, cable TV, Internet and a children's play area. We've also created an 'Accessories Corner' so that customers can inspect custom parts close up."
The Honda dealerships are but one of the Hongyok clan's many business interests on the island, which include investment in property development, hospitals, Shell petrol stations, coffee shops, the 1,600-rai Chao Fah City in Wichit, and the Phuket Country Club golf course in Kathu.

They also operate Ford and Mazda car dealerships on the island.

From : http://www.phuketgazette.net/archives/articles/2010/article8927.html
Honda plant faces four-month layoff

There's no abating the credit crunch at the moment, and now it's hit the second biggest carmaker in Japan. Honda announced operating profits of £795m for October-December - yet that's down from a massive £2.14bn for the same period in 2007.

As such, the firm's Swindon plant will cease production for four months - to avoid stockpiling cars while buyers are staying away from forecourts - resuming on June 1st.

Honda is still looking to a rosy future, however, having just launched the Insight hybrid - which should hit UK showrooms in spring this year. But in the meantime, 4,200 staff will be affected - though it is understood none will be laid off, with all receiving full pay for the first two months, reduced to 60 percent until production resumes.

It is also reported that the Honda F1 racing team could get a Government bailout - after Honda controversially withdrew funding at the end of last season. Talks have already been held between team bosses and the Department for Business, Enterprise and Regulatory Reform. A cash injection could save hundreds of jobs.

It's not all doom and gloom in the market, though, as MINI has announced its 2008 sales were up by four percent despite the slump. The maker hopes to continue that pattern through 2009 with the release of the new MINI Convertible, which it expects will boost UK sales by 25 percent.

From : http://uk.cars.yahoo.com/30012009/36/honda-plant-faces-four-month-layoff-0.html



Honda Solar Hydrogen Station Introduced to Green Car Market

Honda finally unveiled their new solar hydrogen solar station and all signs point to a dramatic success. The station is smaller than previous models and enables an electric car owner to refill their fuel cell overnight. The unit should easily fit into a homeowners’ garage taking up significantly less space than previous models. The older model required a compressor and electrolyzer for it to be operational. One of the reasons the units were so big was because of the compressor that was required to run the unit. Not only that, the compressor was also the reason that the units were so expensive to produce and purchase.

Honda has totally changed the components of the unit and eliminated the need for the compressor and this new slim model is the result. The unit is also “smart grid friendly” and will not require any hydrogen storage for the fuel cell to recharge. Because of this, the Honda Solar Hydrogen Station will lower CO2 emissions even further and allow the car owner to use off peak electricity to recharge the car. This makes everything more cost effective all the way around.

The Honda Solar Hydrogen Station is built to recharge the car on an overnight 8-hour fill. The power that was replenished would typically power the car for a full day of average driving. In most cases, that single fill will be able to get just about anyone through their day and back home without having to worry about a recharge.

However, the design of this new station also has talked of setting up an actual string of charging stations that would enable someone to travel much longer distances. The station was built with fast fill capabilities and any car that has this technology would be able to benefit from the public charging stations.

The Honda FCX is just such a car and can travel 240 miles on a single fill and has the capability to do a fast fill in about five minutes. This dramatically increases the travel range of a car and if the traveler was able to find a location that would allow the car to have a slow 8-hour overnight fill, there would literally be no limitation to the distance that the car could travel.

Honda is continuing its development of this concept and the coast to coast fueling stations will likely become a reality before long. It is a matter of getting investors onboard to support the stations and then there is no telling what will happen.

From : http://www.alternative-energy-news.info/honda-solar-hydrogen-station/



Honda says new hybrid system for big cars in sight

TOKYO: Honda Motor Co has taken a big step towards developing a new hybrid system for larger cars, its head of automobile research and development said on Friday, indicating a finished product could be about three years away.

"We've left the research stage and entered the field of development," Tomohiko Kawanabe, chief operating officer of automobile R&D at Japan's No.2 automaker, told Reuters in an interview.

Honda's gasoline-electric cars such as the Insight and the CR-Z, to be launched next week, use a single electric motor, unlike Toyota Motor Corp's two-motor Prius. Honda's hybrid system has the advantage of being simple and cheaper but trails Toyota's "full" hybrid system in fuel efficiency.

Honda had originally planned to raise fuel efficiency in its bigger cars by using clean diesel technology, but abandoned that strategy in late 2008, instead switching to developing a hybrid system that can be mounted on larger cars such as the Odyssey minivan and Pilot SUV.

Kawanabe declined to specify when the new hybrid system would be ready, but said it would be "roughly the same time frame" as the three years it takes on average on develop a new vehicle.

Kawanabe said Honda was also studying development of a small diesel engine, seen as crucial to sell cars in some emerging markets including India, as well as in Europe, where more than half the vehicles sold are diesel. "If you want to compete in markets like India, and also Europe, (a small diesel engine) is necessary," he said. Honda only has a 2.2 litre diesel engine mounted on the Accord and other models in Europe.

From : http://economictimes.indiatimes.com/news/news-by-industry/auto/automobiles/Honda-says-new-hybrid-system-for-big-cars-in-sight/articleshow/5592448.cms



Honda FCX Clarity Named 2009 World Green Car

Prestigious award chosen by jurors from 25 different countries

Recognizing Honda's commitment to environmental leadership in the area of alternative fuels and hydrogen-powered fuel cell technology, the Honda FCX Clarity was declared the 2009 World Green Car, American Honda Motor Co., Inc., announced today.

At a press conference hosted by the New York International Auto Show and Mobil 1 at the Jacob Javits Center in, New York, the Honda FCX Clarity was named the 2009 World Green Car. The FCX Clarity was chosen from an initial entry list of 22 contenders nominated by 59 World Car jurors from 25 countries worldwide.

"The FCX Clarity is a symbol of the progress we have made with fuel cell vehicles and our commitment to developing vehicles that promote renewable energy supplies and zero-emissions transportation," said Steve Center, vice president, national Marketing Operations for American Honda.

The FCX Clarity, a sleekly styled hydrogen fuel cell-powered sedan currently available on a limited lease-basis, is propelled by an electric motor that runs on electricity generated by an on-board fuel cell stack. The vehicle's only emission is water, and its fuel efficiency is up to three times that of a modern gasoline-powered automobile and two times that of a gasoline-powered hybrid vehicle.

The World Green Car awards were inaugurated in 2003, and officially launched in January 2004, to reflect the reality of the global marketplace, as well as to recognize and reward automotive excellence on an international scale.

The awards are administered by a non-profit association, under the guidance of a Steering Committee of pre-eminent automotive journalists from Asia, Europe, and North America. There is no affiliation with, nor are the awards in any way influenced by any publication, auto show, automaker, or other commercial enterprise.

From : http://www.honda.com/newsandviews/article.aspx?g=environment&id=4986



Honda Adds 360 Look at ASIMO Robot's Technology Online

Honda today added a new feature to asimo.honda.com to give visitors a 360 degree view of the technology behind its ASIMO humanoid robot at http://asimo.honda.com/InsideAsimo. ASIMO's form, function, movement and intelligence are detailed in the new Web site module which uses a 3D computer-generated model of the robot to provide visitors with a more informative and interactive look at ASIMO's capabilities and how it operates.

About ASIMO

ASIMO, which stands for Advanced Step in Innovative Mobility, is being developed to help people and someday assist the elderly and disabled in their homes. But while Honda continues to develop and enhance ASIMO's capabilities, the robot is being used today to encourage and inspire young students to consider studies in math and science. Honda engineers began developing a humanoid robot in 1986 with the dream of creating a new dimension in mobility. By having a robot provide assistance to people, they envisioned that this could enable those people to be more mobile to pursue other activities. After years of research and development, they created an advanced humanoid robot able to function in real-world environments. ASIMO continues to be a popular part of Disneyland's Innoventions attraction where the live 15-minute Say 'Hello' to Honda's ASIMO demonstration take places several times daily in the Honda ASIMO Theatre.

From : http://www.honda.com/newsandviews/article.aspx?g=innovation&id=4948



Honda Motor Co., Inc. Engineers Receive Safety Awards for Advances in Vehicle Safety

At the 20th International Technical Conference on the Enhanced Safety of Vehicles (ESV) held in Lyon, France, two Honda development engineers were recognized for their extensive contributions to improving vehicle safety by being chosen as recipients of a United States Government Award for Safety Engineering Excellence.

Honda motorcycle engineer Satoshi Iijima was honored for his extensive efforts of over 30 years in the research of motorcycle crash safety, and the development of new motorcycle safety devices, highlighted by the launch of Honda's specialized airbag system for motorcycles. Mr. Iijima's team began their fundamental research into motorcycle airbag systems in 1990. His research findings on motorcycle airbag technologies have been presented at international conferences such as ESV on many occasions, and his dedicated efforts have made a large contribution to the enhancement and improvement of motorcycle technologies related to the crash safety field.

The highly advanced motorcycle airbag system for which Mr. Iijima was recognized was introduced for the first time ever on a production motorcycle in 2006, and integrated into Honda's flagship luxury touring model, the GL1800 Gold Wing. Already renowned for offering the very latest and finest in comfort, convenience and safety features, the Gold Wing was selected as the first full production motorcycle to be equipped with Honda's first airbag system, subsequently winning worldwide recognition and praise for its effective promotion of rider safety.

Concurrently, Honda R&D Americas Senior Engineer, Douglas C. Longhitano was recognized for his important contribution to automobile safety, particularly in the area of pedestrian impact protection.

For more than a decade, Longhitano has lead research programs to further the understanding of pedestrian impacts with SUVs and light trucks in order to help develop more effective countermeasures against injury, and which have significantly contributed to advances in traffic safety.

ESV is one of the world's leading conferences for discussing vehicle safety in an event that brings together researchers, engineers and government officials from all over the world. Beside cars and other road users, it also includes a dedicated session on motorcycle safety. During the long process of research and development of the motorcycle airbag system, Honda reported its findings in various stages at ESV and discussed them with other experts.

The prestigious Award for Safety Engineering Excellence is presented bi-annually by The United States' National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA), the highest federal agency for the prevention and control of traffic accidents in the United States, in recognition and appreciation of extraordinary contributions in the field of vehicle safety technology.

Honda is the only company this year to win this esteemed recognition in both automobile and motorcycle safety fields. This year's ESV conference also featured safety-related presentations and papers by no fewer than eight other Honda Associates, covering important research findings such as collision stresses on expectant mothers, pedestrian impact kinematics and innovative lighting systems to improve motorcycle conspicuity. Honda plays a prominent role in the advancement of many aspects of vehicle safety, and the proven results of our efforts frequently find their way to production vehicles, whether car or motorcycle.

From : http://www.honda.com/newsandviews/article.aspx?g=safety&id=200707064058



Council backs wind turbines for Swindon's Honda plant

Plans for three 120m (394ft) high wind turbines at Honda's Swindon plant have been given the backing of Stratton St Margaret Parish Council.

Neighbouring South Marston Parish Council has already spoken out against the car manufacturer's proposals.

Stratton council clerk Paul Russell said it wanted to support the big local employer.

But South Marston council has expressed concerns about noise and a possible strobe light effect.

Honda is working on the project to use wind to power its plant with green energy company Ecotricity.

Mr Russell said: "The parish council is very keen to support manufacturing in the locality and Honda is a particularly useful and good employer.

Sunset strobe concern

"Green energy will create much more sustainability and hopefully, with the level of investment Honda are providing into the local community, that will underpin future job security for Honda workers."

But David Manners, who lives in South Marston and would have a view of the turbines, said he could not believe the neighbouring council was supporting the plans.

He said: "It's going to affect so many people in Stratton. All the people living down the side of the A419 will be looking directly at them. There's also the noise issue.

"The people of South Marston are very concerned, we've dropped leaflets through people's doors there."

Colin McEwen, chairman of the parish council, previously said there were concerns about a strobe effect when the sun sets.

The original plans were for four turbines.

From : http://www.bbc.co.uk/news/uk-england-wiltshire-10950077



Honda recalls 384,000 US vehicles

Honda is recalling more than 384,000 vehicles in the US because of problems with the ignition interlock mechanism.

The recall involves about 197,000 Accord and 117,000 Civic models from the 2003 model year, as well as 69,000 Element vehicles from 2003 and 2004.

The fault could allow the ignition key to be removed without the vehicle being shifted into "Park" and could cause a car to roll away, Honda said.

A parallel recall in Canada covers a further 44,000 vehicles.

Honda said it had received several complaints about the failure of the ignition interlock mechanism.

It said it was aware of "a small number of incidents, including one that resulted in a minor injury".

Honda said customers would be notified from late September.

This is the third recall Honda has issued over the same problem. The previous two were in 2003 and 2005.

From : http://www.bbc.co.uk/news/business-10921161



ภูมิหลังของบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2526ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยรายหลัง ๆ โดยมีอายุเพียงสองทศวรรษ ปัจจุบันฮอนด้านับเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์นั่งรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีการเติบโตของยอดจำหน่ายที่รวดเร็วโดยยอดจำหน่ายตั้งแต่เริ่มดำเนินการจนถึงปี 2549 รวมกว่า 640,000 คัน


ด้วยความมุ่งมั่นในการให้ความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ปัจจุบันมีผู้จำหน่ายรวม 123 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศแถบทุกจังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึงสอดคล้องกับความต้องการของตลาดและความนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค


นอกเหนือจากการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ ฮอนด้ายังเห็นความสำคัญในการใช้เป็นฐานในการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในแถบภูมิภาคนี้ อันเป็นการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกทั้งในรูปของรถยนต์สำเร็จรูปและชิ้นส่วน 50,226 ล้านบาทในปี 2549


ในแวดวงโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าเป็นทารก แต่ในหมู่สิงห์มอเตอร์ไวด์ฮอนด้าเป็นเสือผงาดแผดเสียงไปทั่วโลกที่ได้รับ ความนิยมชมชอบเป็นหนึ่ง จะเรียกเป็นหนึ่งเดียวก็ย่อมได้มิผิดเลย เมื่อฮอนด้าหันมาเล่นรถยนต์เขาก็เป็นหนึ่งในเรื่องนี ้ได้อย่างง่ายดายมิผิด เลยอีก เจ้าพ่อนายโซอิชอโร ฮอนด้า เป็นเสมือนเทวดาส่งมาเกิด จะทำมอเตอร์ไซด์หรือจะทำรถยนต์เขาดังระเบิดปังแล้วปั งอีก มันดังสนั่นมิใช่ในเมืองญี่ปุ่นเท่านั้นแม้ฟ้าอเมริก าอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ดูแลแคบเกินไปสำหรับชื่อฮอนด้าของเขาไม่ว่าจะเป็นมอเ ตอร์ไซด์หรือรถยนต์ที่ มันแผดดังไปทั่วทุกทิศ ฮอนด้า ฮอนด้า ฮอนด้า ใคร ๆ ก็รักและชอบเขาเผยโฉมรถฮอนด้าออกมาและตั้งแต่นั้นมาบ ริษัทฮอนด้าเป็นบริษัท สร้างรถยนต์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มียอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นทุกปี ในปี 1970 รัฐบาลอเมริกาประกาศควบคุมควันพิษไอเสียของเครื่องยน ต์ บริษัทฮอนด้าไม่รอช้าเข็นเจ้าหนู “ซีวิค” ที่มีระบบควบคุมเรื่องควันพิษได้ดีและมีประสิทธิภาพม ากกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่น นั้นก็คือเครื่องยนต์ “ซีวีซีซี” มันดังยิ่งขึ้นทั่วอเมริกาเมื่อนักเขียนเรื่องรถยนต์ ดัง ฮอนด้ามีพนักงาน 79,200 คน รายได้ปีละ 27,000 ล้านดอลลาร์ กำไร 572 ล้านดอลลาร์ บริษัทเริ่มตั้งเมื่อปี 1948 หุ้นเมื่อปี 1980 มีค่าเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ดอลลาร์ เป็น 5,449 ดอลลาร์ในปี 1990 ได้แชมป์จำหน่ายมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1989 ทำให้ฮอนด้าเปลี่ยนเป็นยักษ์ใหญ่อันดับที่ 4 ของโรงงานผลิตรถยนต์อเมริกันในสหรัฐอเมริกา และเมื่อรวมฮอนด้าสร้างในสหรัฐอเมริกาและฮอนด้าอิมปอ ร์ตเข้าสหรัฐอเมริกาจาก ญี่ปุ่น ทำให้ฮอนด้าขายนำโตโยต้าและนิสสันด้วยการครองตลาดจาก สหรัฐอเมริกามีส่วนแชร์ 7.6 เปอร์เซ็นต์ ไม่แต่จะนำตลาดในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น “ฮอนด้า” เมดอิน ยูเอสเอ” เป็นความภูมิใจของชาวซามูไรที่ไปทำชื่อเสียงในสหรัฐอ เมริกา กลายเป็นรถอเมริกันอิมปอร์ตเข้าไปขายในญี่ปุ่นที่ชาว ซามูไรต้องการนักหนาที่ จะเป็นเจ้าของ มันล้ำหน้าฟอร์ดและจี เอ็ม. หายห่วงไปหลายห่วงเลย


นายโซอิชิโร ฮอนด้า ไม่เคยเรียนในมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่เข้าใกล้ แต่เขามีสมญาว่า “เฮนรี่ ฟอร์ด ออฟ เจแปน” ต้นปี 1990 “ออโตโมติฟ นิวส์” เผยว่าแชมป์ประจำปี 1989 คือฮอนด้า แอคคอร์ด ขายได้มากถึง 362,707 คันที่จ่อมาอันดับสองคือฟอร์ด เอสคอร์ด ขายได้เป็นอันดับที่สาม 333,535 คันคือ จีเอ็ม คอร์วอดาและแบเรตตาขายได้ 326,006 คัน ฟาดอันดับที่สี่ และจีเอ็ม คาวาลิเออร์ เป็น อันดับที่ห้า ขายได้ 295,715 คัน จะเห็นว่าฮอนด้าเป็นเสือหนุ่มคึกคะนองขนาดไหน มันแข็งแรงไม่มีรถยนต์อเมริกันรุ่นไหนปราบลงได้ พอมองไปที่อันดับที่หกเป็นค่ายญี่ปุ่นอีก คือโตโยต้า แคมรี่ ขายได้ 257,466 คัน อันดับที่เจ็ดเป็นของฮอนด้า ซีวิ ขายได้ 235,452 คัน ฟอร์ด เท็มโป ขายได้ 228,426 คันเป็นอันดับที่แปด อันดับที่เก้านิสสัน เซนตรา ขายได้ 221,292 คัน และจีเอ็มแกรนด์แดม ขายเป็นอันดับสุดท้ายคอ 202,815 คัน จะเห็นว่าใน “ท็อปที่ 10” นี้มีฮอนด้าและฟอร์ดเป็นคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันถึงพร ิกถึงขิงเผ็ดมันมากที่ สุดคือฟอร์ด เทารัส ตามประกบฮอนด้า แอคคอร์ดและฟอร์ด เทมโปตามประกบฮอนด้า ซีวิค เป็นคู่ ๆ ไม่ยอมห่าง และฟอร์ดทำได้สำเร็จหลังจากนั้นเพียงสองปี แอคคอร์ดก็แพ้เจ้าเทารัสไปจนได้โดยที่คนอเมริกาเองก็ ไม่คาดฝันจะเป็นไปได้ เมื่อนายโซอิชิโร ฮอนด้าเสนอไปทางกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมต่างประเท ศแห่งญี่ปุ่นว่าเขาจะ สร้างรถยนต์ฮอนด้าทางกระทรวงค้านว่าญี่ปุ่นไม่ต้องกา รรถยนต์มากกว่านี้อีก แล้ว อย่าสร้างขึ้นมาเลยจะตีกันเองเปล่า ๆ แต่เขาไม่สนใจ เริ่มปี 1962 บร็อค เยตส์ ได้เขียนชมเชยว่านอกจากมีควันพิษน้อยที่สุดแล้ว เจ้าหนู “ซีวิค” ยังเป็นรถที่ดีเยี่ยม แข็งและวิ่งทนไม่แพ้เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูกับพอร์สช แห่งประเทศยุโรปเลย ในปี 1981 มีเสียงบ่นกันทั้งคนญี่ปุ่นและคนอเมริกันว่า สหรัฐอเมริกาไม่มีใครสร้างรถยนต์ดี ๆ ขึ้นมาใช้ มีแต่รถห่วย ๆ นายโซอิชิโรค้านว่าไม่จริงครับในสหรัฐอเมริกามีคนทำไ ด้ เขาจะทำให้สหรัฐอเมริกามีชื่อเองในการตั้งโรงงานผลิต รถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ดขึ้นที่เมืองแมรีสวิลล์ รัฐโอไฮโอ พอถึงปี 1982 ฮอนด้า แอคคอร์ด “เมด อิน ยูเอสเอ” ก็เผยโฉมออกมาด้วยการสร้างของอเมริกัน ในโรงงานสหรัฐอเมริกา มันมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมที่คนอเมริกันภูมิใจที่มันเ ป็นรถยนต์ที่ผลิตใน อเมริกา และอุดหนุนช่วยกันซื้อ ยอดขายมันเพิ่มขึ้นทุกปีจนสร้างแทบไม่ทัน จนถึงปี 1989 ฮอนด้า แอคคอร์ด กลายเป็นแชมป์มียอดจำหน่ายมากสุดในอเมริกาฮอนด้า แอคคอร์ดใช้เวลาการเป็นแชมป์ในสหรัฐอเมริกาเพียง 7 ปีเท่านั้น ไม่น่าเชื่อเลย


บริษัทฮอนด้า เป็นบริษัทที่มียอดจำหน่าย รถมอเตอร์ไซด์มากที่สุด เป็นบริษัทสร้างรถยนต์ใหญ่เป็นอันดับที่สามของญี่ปุ่ นและใหญ่อันดับที่สี่ใน สหรัฐอเมริกา ส่วนอันดับสร้างรถยนต์ใหญ่ที่สุดของโลก บริษัทฮอนด้าครองอันดับที่แปด ผู้ที่ก่อตั้งบริษัทฮอนด้ามาด้วยกันคือนายตาเกโอะ ฟูจิซาวา นายฮอนด้าเก่งทางเครื่องยนต์และปลุกปล้ำกับเครื่องยน ต์ฮอนด้าของเขาอย่างหาม รุ่งหามค่ำ ส่วนนายฟูจิซาวาเป็นนักขายตัวกลั่น ทั้งคู่เกษียณออกจากบริษัทพร้อมกันเมื่อนายฮอนด้าอาย ุ 62 ปี แบบธรรมดาที่ไม่มีการเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ สำหรับคนตำแหน่งใหญ่และมีพระคุณต่อประเทศและคนญี่ปุ่ นอย่างล้นเหลือแต่อย่าง ใด เขาได้รับเกียรติอย่างสูงส่งของดีทรอยต์ โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่ยอดเยี่ย มในเครื่องยนต์ ละมีเกียรติในจารึกชื่อใน “อเมริกา ออโตโมติฟ ออลล์ ออฟ แมน” ของรัฐอุตสาหกรรมสร้างรถยนต์แห่งสหรัฐอเมริกา จากรายได้ของบริษัทฮอนด้าปีละ 27,000 ล้านดอลลาร์ นั้นเป็นรายได้จากการขายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ยอดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซด์ของฮอนด้านับเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ของตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีโรงงานสร้างที่เมืองมารีสวิลล์ ที่เดียวกับโรงงานสร้างรถยนต์ของฮอนด้ามาก่อนนอกจากส ร้างรถมอเตอร์ไซด์ใน สหรัฐอเมริกาแล้ว มอเตอร์ไซด์ฮอนด้ายังมีโรงงานสร้างทั่วโลกอีก 31 ประเทศ นอกจากฮอนด้าแล้วบริษัทยังมีการสร้างรถหรูคือ แอครา ที่มีชื่อเสียงดังเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของเล็กซัสแห ่งค่ายโตโยต้า รวมทั้งค่ายเซเดสเบนซ์และบีเอ็มดับเบิลยูด้วย สำนักงานใหญ่ของฮอนด้าอยู่ที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น


ประวัติผู้ก่อตั้งฮอนด้า

โซอิจิโร ฮอนด้า ผู้ ก่อตั้งฮอนด้ามอเตอร์ ได้รับการจารึกชื่อในทำเนียบ ปูชนียบุคคลยานยนต์โลก (automotive hall of fame) เมื่อ 10 ตค.ปี 2532.........นับเป็ยชาวเอเซียคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้



ชีวิตในวัยเด็ก


Soichiro Honda เกิดที่ Yamahigashi เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน คศ. 1906 เขาเป็น ลูกชายคนแรกของครอบครัว คุณพ่อของเขาชื่อ Gihei Honda สืบเชื้อสายมาจากชาวนา และได้เปิดร้านตีเหล็กเล็ก ๆ และรับซ่อมจักรยานด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะซื้อจักรยานเก่ามาซ่อมขาย ซึ่งในสมัยนั้นคนญี่ปุ่นกำลังนิยมขี่จักรยานกันมาก คุณแม่ชื่อ Mika ก็ช่วยงานที่บ้านและเป็นแม่บ้าน

ครอบครัวของ Honda ยากจนมาก เขาช่วยครอบครัวทำงานมาตั้งแต่ตัวกระเปี๊ยก และเขาเริ่มคลั่งไคล้เรื่องยนต์กลไกมาตั้งแต่นั้น

"ชีวิตไม่คุ้มค่าที่จะอยู่หรอก ถ้าหกว่าไม่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุด" นั่นคือปรัชญาชีวิตที่ฝังใจเขาตลอดมา

ห่าง จากบ้านของเขาไปหลายไมล์ มีโรงสีข้าวอยู่โรงหนึ่งที่ใช้เครื่องยนต์กับน้ำมันเบนซิน นับว่าเป็นของแปลกประหลาดมากในสมัยนั้น ปู่ของ Honda ได้ให้เขาขี่หลังไปที่นั่น เขาเฝ้าดูเครื่องยนต์เคลื่นไหวด้วยอาการหลงไหลและพิศวงถึงการทำงานของมัน


ปี พ.ศ.2457 ในขณะที่ Honda เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 2 เด็กชาย Soichiro Honda ได้มีโอกาสเห็นเครื่องบินที่ ไนล์ สมิธ เป็นนักบิน ในเดือนถัดมาหนูน้อย Honda พยายามแต่งตัวให้เหมือนนักบินมากที่สุด โดยสวมหน้ากากนักบินที่เขาทำขึ้นเองจากกล่องกระดาษ และที่ชาวบ้านตกใจมากที่สุดก็คือ เขาขี่จักรยานติดใบพัดไม้ไผ่ที่ผุดขึ้นมาจากสมองน้อย ๆ ของเด็กชั้น ป.2


เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่


ปี 1922 Soichiro Honda อายุ 15 ปี ก็ได้เดินทางมาโตเกียวเข้าทำงานในร้านซ่อมรถยนต์ ชื่อ Art Shokai เขาตื่นเต้นที่ได้เห็นรถยนต์วันละเป็นสิบๆ คัน ในโตเกียว ซึ่งที่หมู่บ้านของเขานั้นถ้าเดือนหนึ่งได้เห็นรถยนรต์สักคันหนึ่งก็นับว่า โชคดีแล้ว


แม้ ว่า Soichiro Honda จะได้เขาทำงานในอุ่ซ่อมรถก็จริงอยู่ แต่เขาไม่มีโอกาสทำงานที่เขารัก หน้าที่แรกของเขาคือต้องเลี้ยงลูกเจ้าของอู่ แต่เขาก็อดทนว่าสักวันหนึ่งเขาคงได้ทำงานที่เขารัก


เขาทนทำงานเลี้ยงเด็กอยู่หนึ่งเดือน ก็ได้รับหน้าที่ใหม่ให้ไปช่วยงานซ่อมเครื่องยนต์โดยเป็นลูกมือช่าง


ปี 1923 โตเกียวเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ บ้านเรือนเสียหลายและไฟไหม้เป็นประวัติการณ์ บรรดาช่างี่อู่กลับบ้านกันหมด เหลืออยู่แต่ Honda กับช่างมีฝีมือคนหนึ่งเท่านั้น และในช่วงนี้เองทำให้เขาได้รับการฝึกฝนทางเครื่องยนต์อย่างเต็มที่


บังเอิญ เจ้าของอู่ซ่อมรถก็ชื่นชอบการแข่งรถ จึงได้ถ่ายทอดมาสู่ Honda ด้วย จนกระทั่งถึงปัจจุบันการแข่งรถกลายเป็นกิจกรรหนึ่งของ "ฮอนด้า มอเตอร์" ซึ่งรถแข่งของฮอนด้าอยู่ในอันดับนำของโลก


หนุ่ม น้อย Honda ใช้เวลาว่างตอนกลางคืนสร้างรถแข่งคันแรก เขาใช้เครื่องยนต์เครื่องบินยี่ห้อ เคอร์ติสไร้ท์ ซึ่งใช้ในวงการทหาร เครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 8 ลิตร ให้กำลังแรงสูงสุดเกือบ 100 แรงม้า มีความเร็ว 1,400 รอบต่อนาที นอกจากเครื่องยนต์แล้ว Honda ทำทุกอย่างด้วยตนเอง รวมทั้งส่วนประกอบต่าง ๆ และซี่ล้อไม้ เขาเข้าแข่งได้รับชัยชนะหลายครั้ง


หลัง จากทำงานกับ Art Shokai ได้ 6 ปี เจ้าของสนับสนุนให้ Honda เปิดบริษัทของตนเอง โดยอนุญาตให้ใช้ชื่อบริษัทได้ และให้เปิดที่จังหวัด Hamamatsu


นอก จากทุ่มกับงานประจำแล้ว Honda ใช้เวลาว่างในการพัฒนารถแข่ง ในการแข่งขันครั้งสำคัญคือ ออเจแปนสปีดแรลลี่ ที่ชานเมืองโตเกียวในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2479 Hondaได้พัฒนารถจนทำความเร็วได้ถึงชั่วโมงละ 120 ไมล์ เกือบจะถึงเส้นชัยอยู่แล้วได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อน เขาบาดเจ็บสาหัสพร้อมกับน้องชายที่นั่งคู่กัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชัยชนะ แต่เขาได้รับรางวัลจากการทำสถิติความเร็ว


บริษัทแรกชื่อ ไทไก เซอิกิเฮฟวี่ อันดัสตรี


ปี 1937 เขาตั้งบริษัทใหม่ ชื่อ ไทไก เซอิกิเฮฟวี่อันดัสตรี เพื่อผลิตวงแหวนลูกสูบแต่เขาไม่สามารถผลิตได้มาตรฐาน กิจการย่ำแย่ต้องจำนำทรัพย์สิน และในที่สุดเขาตกลงใจเข้าไปเรียนรู้หาทฤษฎีในโรงเรียนมัธยมเทคโนโลยี ฮามะมัตซึ ภาคค่ำจนสามารถปรับวงแหวนลูกสูบได้มาตรฐาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าการศึกษาในโรงเรียนปราศจากคุณค่าใด ๆ เพราะมีความเชื่อว่าทฤษฎีต่าง ๆ เกิดขึ้นหลังจากมีการประดิษฐ์แล้ว


ปี 1941 สงครามขยายจากจีนไปสู่ย่านแปซิฟิกกิจการของ Honda เจริญขึ้นตามลำดับโดยส่งวงแหวนลูกสูบส่วนหนึ่งให้บริษัท Toyota Motor ซึ่งมีหุ้นอยู่ในบริษัทเขา 40% นอกจากนั้นเขายังผลิตชิ้นส่วนและเครื่องจักรต่าง ๆ ให้กองทัพเรือและ บริษัท Nakachima Aircraf ช่วงนี้เขาได้ผลิตเครื่องจักรทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ซึ่งการผลิตใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น เขาจึงได้รับคำชมเชยจากวงการทหารและหนังสือพิมพ์พากันยกย่องว่าเขาเป็น "วีรบุรุษอุตสาหกรร"


เมื่อ สงครามโลกครั้งที่สองใกล้ยุติ โรงงานของ Honda ซึ่งอยู่ใกล้สนาบิน Hamamattsu ถูกระเบิด และเดือนมกราคม 1946 เกิดแผ่นดินไหว โรงเรียนเขาพังพินาศเกือบหมด พร้อมกับสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ โดยญี่ปุ่นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงคราม


เขา ตกลงขายหุ้น บริษัท ไทไก เซอิกิ ให้ Toyota Motor ทั้งหมด ได้เงินจำนวนหนึ่งมา เขาจึงคิดจะใช้ชีวิตสบาย ๆ สักพักหนึ่งเพื่อวางแผนที่จะทำงานใหม่ต่อไป เขาลงทุนซื้อแอลกอฮอล์ที่กินได้ถังใหญ่มาทำวิสกี้ เชิญเพื่อน ๆ มาเลี้ยง แล้วเล่นซากุฮิจิ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งเหมือนกับขงเบ้งตีขิมเพื่อวางแผนงานชิ้นใหญ่ ต่อไป


Honda Motor


" ถ้าการขึ้นไปถึงภูเขาไฟฟูจิเป็นเป้าหมายสูงสุด ทั้งฟูจิซาวะและผมก็มีเป้าหมายเดียวกัน" นั่นคือคำพูดของ Soichiro Honda กล่าวถึงการดำเนินงานครั้งแรกของ Honda Motor ที่เขาได้ Takeo Fujisawa มาร่วมกิจการด้วยกัน โดยเขารับงานทางฝ่ายพัฒาการผลิต ส่วน Fujisawa รับงานด้านการตลาด

ใน ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังใกล้จุดจบญี่ปุ่นได้ขาดแคลนน้ำมันอย่างหนัก ทางผู้นำทางทหารพยายามที่จะหาอะไรต่ออะไรมาทดแทนและสิ่งหนึ่งก็คือ จะเอาน้ำมันสนมาใช้กับเครื่องบิน ถึงกับเกณฑ์นักศึกษาเป็นพัน ๆ คนไปขุดรากสนแต่ไม่ได้ผลอะไร


เมื่อ สงครามโลกสงบโดยญี่ปุ่นเป็นฝ่ายปราชัย มีการแบ่งปันน้ำมันกัน Soichiro Honda ได้ลงทุนทำป่าสนและผลิตน้ำมันสนออกขาย แต่เขาวขาญเรื่องเครื่องยนต์มากกว่าจึงไม่ประสบความสำเร็จ


ใน เดือนตุลาคม1946 เขาได้ตั้งบริษัทสถาบันวิจัยทางวิชาการฮอนด้าที่ Hamamattsu โครงการแรกเอาเครื่องยนต์เล็ก ๆ ที่กองทัพญี่ปุ่นเคยใช้มาแล้วมาติดกับรถจักรยาน เครื่องยนต์เหล่านั้นราคาถูกเมื่อเอามาติดกับรถ 2 ล้อแล้วจึงขายได้ราคา เมื่อเครื่องยนต์หาซื้อไม่ได้แล้ว ฮอนด้าจึงเริ่มผลิตขึ้นเอง

รถ จักรยานติดเครื่องยนต์เล็กนี้กลายเป็นที่นิยมกัน เพราะช่วงนั้นญี่ปุ่นขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ผู้คนในเมืองใหญ่ ๆ ต้องเดือนทางไปซื้อพืชพันธุ์ในย่านเกษตรนอกตัวเมือง บริการรถไฟเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ ดังนั้นรถจักรยานติดเครื่องยนต์จึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก บรรดาพ่อค้ารถวิ่งพุ่มมาที่โรงงานของเขา

Honda ขายรถของเขาได้ยังแถมขายน้ำมันสนของเขาได้อีกด้วย Honda จึงเห็นลู่ทางที่จะผลิตรถจักรยานยนต์ขึ้นมา แต่ เขาถนัดกับเครื่องยนต์กลไก ส่วนเรื่องการตลาดนั้นเขาจะต้องหาคู่ขามาร่วมมือด้วย เขาได้พบกัน Fujisawa เป็นครั้งแรก และที่นั่นเองทั้งสองก็จับมือร่วมธุรกิจด้วยกัน


Honda ได้บอกกับ Fujisawa ว่า ที่เดือนทางมาโตเกียวเพื่อจะหาเงินทุนดำเนินกิจการโรงงานสร้างจักรยานยนต์ ของเขา Fujisawa ก็ตอบไปสั้น ๆ ว่า "ผมไม่มีเงินในตอนนี้แต่ผมจะหาเงินจำนวนที่คุณต้องการมาดำเนินงานได้"
หลัง จากที่สนทนากันเพียงไม่กี่ประโยคและจากที่มีเป้าหมายเหมือนกัน Honda ตอนนั้นอายุ 42 ปี Fujisawa อายุ 38 ปี ก็ตกลงใจร่วมงานกัน และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะยิ่งหญ่ในภายหลัง Fujisawa ได้บอกกับ Honda อีกว่า "ผมจะทำให้คุณอย่างนักธุรกิจ แต่เมื่อเราแยกกันผมจะไม่ให้มันจบลงด้วยการขาดทุน นี่ผมไม่ได้พูดแต่เพียงเรื่องเงินนะ ผมหมายความว่าเมื่อเราแยกกันผมหวังว่าจะได้รับความพอใจและความสำเร็จ"

ใน วันนั้นทั้งสองพยายามคุยกันถึงอนาคตอันสวยหรู แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่ Fujisawa จะมาร่วมงานนี้ Honda ได้ปรับปรุงบริษัทสถาบันวิจัยทางวิชาการฮนด้าของเขาเป็น Honda Motor แล้ว
ทั้ง Honda และ Fujisawa ต่างมีปัรัชญา การทำงานที่ถือว่าทุกคนเสมอภาคกันไม่ว่าประธานบริษัท หรือพนักงานซึ่งปฎิบัติตามบทบาทของตน เขาทั้งสองไม่เคยที่จะอ้างความเป็นเจ้าของบริษัทที่เขาก่อตั้งมา โดยย้ำอยู่เสมอว่าการใช้อำนาจและสิทธิขาด เพื่อบังคับให้พนักงานเห็ฯดีเห็นชอบความคิดของเขานั้นจะมีผลทำลายการทำงาน เป็นหมู่คณะที่เสมอภาคกัน

ทั้งสองเกษียณตัวเองเมื่ออยู่ในวัยที่ตนเห็นว่าไม่เหมาะบริหารงาน ทั้ง สองไม่ได้มอบบริษัทให้ทายาทของตนดำเนินงานต่อ เพราะเขาถือว่า Honda Motor ไม่ใช่ของตระกูล ถ้าให้ลูกหลานที่ไม่มีความสามารถทำงานต่อบริษัทอาจจะเจ๊งก็ได้ เขาจึงให้พนักงานที่มีความสามารถบริหารงานต่อไป ทุกวันนี้ทั้งสองไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานของบริษัท โดยเฉพาะ Honda มุ่งทำงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของพาหนะในมูลนิธิเพื่อการกุศล

Soichiro Honda เสียชีวิตด้วยวัย 84 ปี เมื่อวันที่ 5 กันยายน 1991 แต่เขาก็ได้ รับการจารึกชื่อในทำเนียบ ปูชนียบุคคลยานยนต์โลก (automotive hall of fame) เมื่อ 10 ตค.ปี 1989.........นับเป็ยชาวเอเซียคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้

ลักษณะการดำเนินธุรกิจ

ปรัชญาการดำเนินธุรกิจของฮอนด้า



"สร้างสรรค์ยนตรกรรมสะอาดและราคายุติธรรม เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าทั่วโลก"


เพื่อสร้างความเข้าใจว่าเหตุใดบริษัทจึงให้ความสำคัญกับลูกค้าและสังคม เหตุใดเราจึงเดินมาจนถึงจุดที่การเติบโตของธุรกิจและตัวเลขผลประกอบการคือผลพลอยได้จากการดำเนินธุรกิจอย่างจริงใจ ขอยกวัฒนธรรมองค์กรอันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของฮอนด้าที่นายโซอิชิโร ฮอนด้า ผู้ก่อตั้งบริษัทกำหนดไว้ใน พ.ศ.2491 มากล่าวถึงในที่นี้


ความเชื่อพื้นฐานของฮอนด้า ที่ได้หล่อหลอมเป็นปรัชญาการดำเนินธุรกิจของฮอนด้า ประกอบด้วย


•การเคารพความเป็นปัจเจกชน ซึ่งเชื่อว่าบุคคลทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน มีความเป็นอิสระและมีความคิดริเริ่มเป็นของตัวเอง


•ความยินดีสามประการ ด้วยการให้ความเคารพความเป็นปัจเจกชน ฮอนด้าเชื่อมั่นว่าบุคคลทุกคนที่เข้ามาทำงานร่วมกันหรือมีส่วนร่วมกับองค์กร ทั้งที่ได้เข้ามาสัมผัสไม่ว่าจะทางตรงหรือผ่านทางผลิตภัณฑ์ ควรได้รับการแบ่งปันความรู้สึกยินดีกับสิ่งที่ได้ประสบ ซึ่งความรู้สึกนี้จะแสดงออกในรูปของความยินดี 3 ประการ คือ


"ความยินดีที่ได้ซื้อสินค้า" หมายถึงลูกค้าควรจะมีความยินดีทุกครั้งที่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ของฮอนด้า



"ความยินดีที่ได้ขายสินค้า" หมายถึงพนักงานขายมีความยินดีที่ได้แนะนำสินค้าคุณภาพให้กับลูกค้า


"ความยินดีในการสร้างสรรค์" หมายถึงความยินดีของพนักงานฮอนด้าที่ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพอันมีเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิต


ฮอนด้าได้อาศัยความเชื่อพื้นฐานทั้งสองประการนี้ในการกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กร พ.ศ. 2553 อันประกอบด้วยแนวทางหลัก 3 ประการคือ


•"การสร้างสรรค์คุณค่าใหม่" มุ่งสร้างสรรค์คุณค่าผ่านทางผลิตภัณฑ์และการดำเนินการต่าง ๆ ให้กับลูกค้าและสังคม


•"การนำวิสัยทัศน์สากลสู่ท้องถิ่น" มุ่งสร้างรากฐานความมั่นคงขององค์กรด้วยการเข้าถึงชุมชนอย่างทั่วถึงในขณะที่ยังคงภาพลักษณ์ของบริษัทในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระระดับโลก


•"พันธสัญญาต่อชนรุ่นหลัง" มุ่งสร้างความสมดุลต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งความปลอดภัยในระดับชุมชนและระดับโลกเพื่อปัจจุบันและคนรุ่นต่อไป


จากรากฐานวัฒนธรรมองค์กรที่หล่อหลอมพื้นฐานความคิดและวิสัยทัศน์เข้าด้วยกันนี้ ฮอนด้าจึงเชื่อมั่นว่าคุณค่าจากการเป็นองค์กรที่ดีของสังคมโลกนั้นสามารถวัดได้จากความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของฮอนด้า ตลอดจนการมุ่งส่งเสริมการใช้งานอย่างปลอดภัย ระบบการจัดการผลิตภัณฑ์ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโลก และเหนือสิ่งอื่นใดพันธสัญญาที่ได้ให้ไว้ต่อสาธารณชนโลกเพื่อปัจจุบัน และคนรุ่นต่อไป


ทั้งนี้ เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใจรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น เว็บไซต์นี้จึงได้แบ่งออกเป็น 4 ส่วน สองส่วนแรกเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย กล่าวถึงความรับผิดชอบขององค์กรต่อลูกค้าและสังคมอันเกี่ยวเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ของฮอนด้า ส่วนที่สามและสี่จะกล่าวถึงกิจกรรมเพื่อการศึกษาและกิจกรรมเพื่อสังคม เสริมรายละเอียดให้ท่านได้รับทราบและเข้าใจถึงความพยายามของฮอนด้าในการทำให้เมืองของเราสดใสและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น


โครงสร้างและนโยบายการบริหาร

ผังโครงสร้างองค์กร และคณะผู้บริหารระดับสูง

บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด สำนักงานใหญ่ของฮอนด้าประจำภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย ประกาศการปรับผังโครงสร้างองค์กรและคณะผู้บริหารระดับสูงในภูมิภาค ซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2551 เป็นต้นไป



โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้ :

1. การเปลี่ยนแปลงระดับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย

นายทัตสึฮิโร่ โอยาม่า อายุ 57 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ซีโอโอ) ภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ ซึ่งจะดูแลรับผิดชอบสายการปฏิบัติการของธุรกิจรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าทั่วโลก ประจำการที่บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น


จวบจนปัจจุบัน นายโอยาม่า มีประสบการณ์การทำงานกับฮอนด้ากว่า 38 ปี โดยมีประสบการณ์ในสายงานการจำหน่ายถึง 30 ปี ทั้งนี้ นายโอยาม่า ได้เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ตั้งแต่เดือนเมษายน2549 ภายใต้การนำที่เข้มแข็งของนายโอยาม่า ทำให้ธุรกิจของฮอนด้าในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียมีการขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยได้สนับสนุนให้มีการขยายฐานการผลิตรถยนต์สำเร็จรูปในประเทศไทยและอินเดีย เสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรธุรกิจร่วมทุนต่างๆ ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ใหม่ด้านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ในประเทศไทยท่ามกลางสถานการณ์การตลาดที่อิ่มตัว
นายฟุมิฮิโกะ อิเคะ อายุ 55 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการบริหารธุรกิจ (ครอบคลุมด้านการเงิน การบัญชี และธุรกิจในเครือ) จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ซีโอโอ) ภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ต่อจากนายโอยาม่า ซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2551 เป็นต้นไป


นายอิเคะ ร่วมงานกับ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2525 และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เมื่อปี 2546 ล่าสุดนายอิเคะได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของธุรกิจเครื่องยนต์อเนกประสงค์ โดยก่อนหน้านั้น เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปส่วนการเงิน ในระหว่างปี 2544 – 2546 นอกจากนั้น นายอิเคะยังมีประสบการณ์ในการทำงานที่สำนักงานนิวยอร์กของบริษัท ฮอนด้า นอร์ท อเมริกา จำกัด ถึง 5 ปี


2. การเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย เพื่อให้สามารถรองรับตลาดในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ฮอนด้ายังได้ปรับเปลี่ยนผู้บริหารประจำภูมิภาคของบริษัทในเครือซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศไทย ดังนี้


นายอิโนะสุเกะ นากาฮารา อายุ 52 ปี ปัจจุบันเป็นประธาน บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชียแปซิฟิค จำกัดและเป็นสมาชิกของคณะกรรมการการดำเนินธุรกิจระดับภูมิภาค (Regional Operating Committee) จะย้ายกลับไปที่ศูนย์วิจัย และพัฒนารถยนต์ที่เมืองโทชิกิ ประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทได้แต่งตั้งให้ นายโทชิโนริ โซโนดะ อายุ 51 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานกรรมการบริหารอาวุโสบริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี อเมริกา จำกัด มารับตำแหน่งแทนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป


ทางด้านบริษัท ฮอนด้า แอคเซส เอเชียและโอเชียเนีย จำกัด นายมิซึโอะ คุราโน อายุ 59 ปี ประธานบริษัทคนปัจจุบัน จะเกษียณอายุ และย้ายกลับไปที่ประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทได้แต่งตั้งนายทาคาโยชิ ยามากุจิ อายุ 50 ปี ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ที่ บริษัทฮอนด้า โปแลนด์ จำกัด มาดำรงตำแหน่งแทนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป


นอกจากนี้ นายมาซาโตะ มูไคนากาโน รองประธานบริษัทไทย ฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด จะย้ายไปประจำการที่บริษัท ฮอนด้า เซาท์ อเมริกา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศบราซิล เพื่อรับตำแหน่งหัวหน้าส่วนงานตรวจสอบคุณภาพ


ฮอนด้าเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในองค์กรครั้งนี้ จะช่วยเร่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย เพื่อให้ภูมิภาคนี้เป็นฐานการดำเนินธุรกิจสำคัญซึ่งสนับสนุนการดำเนินงานของฮอนด้าทั่วโลก


ฮอนด้ามุ่งมั่นในการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพระดับสูงเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้าทำให้รถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของฮอนด้ามีระบบการเผาไหม้ภายในที่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม