วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวและบทความของบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด

ฮอนด้า ร่วมกับนักเขียน พลอย มัลลิกะมาส เปิดตัว ‘URBANISTA Guide To Town” หนังสือท่องเที่ยว



บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำหนังสือ ‘URBANISTA Guide To Town’ หรือ ‘คน เมือง ร้อย เรื่อง ราว’ โดยเชิญคุณพลอย มัลลิกะมาส นักเขียนรุ่นใหม่ เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์เพื่อการใช้ชีวิตในเมืองที่สมบูรณ์แบบ โดยมี ฮอนด้า ฟรีด เป็นรถคู่ใจในการเดินทาง


คุณอรนุช พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้ามีความมุ่งมั่นในสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้รถยนต์ฮอนด้ามาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับความสนใจและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ครั้งนี้จึงนับเป็นโอกาสดีที่เราได้จัดทำหนังสือ ‘URBANISTA Guide To Town’ ขึ้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว ได้เดินทางไปกับฮอนด้า เพื่อค้นหาประสบการณ์และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับชีวิต ผ่านหนังสือ ‘URBANISTA Guide To Town’ เล่มนี้”


หนังสือ ‘URBANISTA Guide To Town’ เล่มนี้ มีความพิถีพิถันในการออกแบบและใช้เวลาจัดทำนานกว่า 6 เดือน โดดเด่นด้วยเนื้อหาและเรื่องราวการเดินทางที่สอดแทรกแรงบันดาลในการใช้ชีวิต ที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้ ซึ่งตรงกับแนวคิดในการออกแบบรถยนต์ ฮอนด้า ฟรีด ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่ออิสระในการใช้ชีวิตของคนเมือง (Urbanista) ช่วยเติมเต็มความสุขของการใช้ชีวิตในเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่าทุกคนสามารถออกแบบการใช้ชีวิตได้ เพียงแต่มีจินตนาการและอิสระในความคิดที่สร้างสรรค์


หนังสือเล่มนี้เกิดจากสิ่งหนึ่งที่ฮอนด้าและคุณพลอย มัลลิกะมาส มีเหมือนกันนั่นคือ ความฝันที่ไม่หยุดนิ่ง ความ-มุ่งมั่นที่จะสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ฮอนด้าจึงได้เชิญคุณพลอย มัลลิกะมาส นักเขียนหนังสือเดินทางแนว ไลฟ์สไตล์ เป็นคนช่างคิด มีไลฟ์สไตล์ของตัวเอง สนุกกับการใช้ชีวิต และมีความสามารถในการนำเสนอผลงานการเขียนได้อย่างน่าสนใจ จึงทำให้หนังสือเล่มนี้มีความสมบูรณ์แบบทั้งเนื้อหาและงานศิลปะที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว พร้อมที่จะพาผู้อ่า1นทุกท่านเดินทางเพื่อค้นหาแรงบันดาลในการใช้ชีวิตไปด้วยกัน


ที่มา http://www.honda.co.th/th/news-release/index.php


วันที่ 20/08/2010






ยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าประจำเดือนกรกฎาคม 2553


บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในเดือนกรกฎาคม 2553 มีจำนวน 10,265 คัน และมียอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 62,047 คัน เติบโตขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 14.7% ของตลาดรถยนต์โดยรวม (422,364 คัน) และ 39.26% ของตลาดรถยนต์นั่ง (182,051 คัน)


โดยแบ่งออกเป็นรุ่นต่าง ๆ ดังนี้ ฮอนด้า ซิตี้ มียอดจำหน่าย 4,319 คัน มียอดสะสม 25,183 คัน คิดเป็น 26.9% และแจ๊ซ มียอดจำหน่าย 1,695 คัน มียอดสะสม 9,272 คัน คิดเป็น 9.9% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภท ซับคอมแพคท์ ส่วนฮอนด้า ซีวิค มียอดจำหน่าย 2,228 คัน มียอดสะสม 16,580 คัน คิดเป็น 33.0% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทคอมแพคท์ สำหรับฮอนด้า แอคคอร์ดมียอดจำหน่าย 699 คัน มียอดสะสม 3,665 คัน คิดเป็น 20.7% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทแฟมิลี่ ฮอนด้า ฟรีด มียอดจำหน่าย 214 คัน มียอดสะสม 1,917 คัน คิดเป็น 24.9% ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกลุ่มรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ MPV และฮอนด้า ซีอาร์-วี มียอดจำหน่าย 1,110


ที่มา http://www.honda.co.th/th/news-release/index.php


วันที่ 19/08/2010






ชมงานล้นหาดชะอำเงินสะพัดกว่า 150 ล้านบาท'ฮอนด้า'เน้นกลยุทธ์'Music Marketing'จัดคอนเสิร์ตเรกเก้-ร็อกโดนใจวัยมันส์


เอ.พี.ฮอนด้าและรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สุดแฮปปี้กลยุทธ์การตลาด "Music Marketing" ตีแตก!! โดนใจผู้ใช้และคนไทยทั่วประเทศ เมื่อเทศกาลดนตรีริมทะเลร็อกๆ เร็กๆ "Honda Scoopy i Reggae on the Rock ครั้งที่ 2" สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการทุบสถิติผู้เข้าชมเป็นประวัติการณ์ คลื่นมหาชนกว่า 3 แสนคนแห่ร่วมแจมความสนุกล้นทะลักหาดชะอำ คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 150 ล้านบาท นายโยอิจิ มิซึทานิ กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ความสำเร็จของการจัดมหกรรม สุดมันส์ร็อกๆ เร็กๆ "Honda Scoopy i Reggae on the Rock ครั้งที่ 2" ริมชาดหาดชะอำฝั่งเหนือ เมื่อวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม ต่อเนื่องวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เป็นมหกรรมดนตรีริมทะเลครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของประเทศ ด้วยการผสาน 2 ขั้วแนวดนตรีที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายร่วมกันที่สร้างความสุขความสนุกให้เกิดขึ้นในทุกๆ มิติ ซึ่งสอดคล้องความสนุกของฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่ใครก็ทำไม่ได้ ปีที่แล้วเรามียอดผู้มาร่วมสนุกกับเทศกาลคอนเสิร์ตกว่าแสนคน ซึ่งเป็นสถิติการเข้าชมคอนเสิร์ตในลักษณะนี้มากที่สุด ขณะเดียวกันผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงกับพื้นที่อำเภอชะอำ จ.เพชรบุรี มาร่วมงานมากมาย ฮอนด้าต้องขอขอบคุณคลื่นมหาชนทุกท่านที่มาร่วมสนุกในงานดังกล่าว ซึ่งสะท้อนภาพความสำเร็จของการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการรถจักรยานยนต์และวงการเพลง ถือเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจของฮอนด้า ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปอีกครั้ง ภาพของคลื่นมหาชนที่ปรากฏ ณ ริมหาดชะอำครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแต่จะทำให้ทุกท่านที่มาร่วมงานได้รับความสุขกับการแสดงดนตรีเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ ผู้ประกอบธุรกิจในทุกระดับ มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปกติ และตลอดปี 2553 ฮอนด้าจะดำเนินกลยุทธ์ Music Marketing ต่อไป โดยเฉพาะ Honda Scoopy i Reggae on the Rock จะมีการจัดอย่างต่อเนื่อง เรายืนยันมาเสมอว่าฮอนด้าเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย ดังนั้น การดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดใดๆ ฮอนด้าสำนึกดีและตั้งใจส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนไทยทุกคนและสังคมไทยในทุกภาคส่วน อย่างกลยุทธ์การตลาด Music Marketing ในครั้งนี้ก็เช่นกัน เราเลือกใช้ศิลปินเพลงที่มีคุณภาพ ตรงใจและตรงความต้องการผู้บริโภค รวมถึงการเลือกศิลปินมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรถฮอนด้าเราเลือกศิลปินไทยเสมอ ในงานนี้มีผู้สนใจทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติร่วมงานนี้กว่า 300,000 คน ทำให้มีเงินสะพัดที่หาดชะอำไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท เพราะโรงแรมต่างๆ ริมหาดชะอำและบริเวณใกล้เคียงถูกจองเต็มหมด และทราบว่าหลายแห่งขยับราคาห้องพักเต็มเพดาน เสมือนเป็นช่วงไฮซีซั่นเลยทีเดียว ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านค้าสะดวกซื้อ พ่อค้าแม่ค้า รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวขายสินค้ากันอย่างคึกคัก สร้างทั้งรายได้และความพอใจให้กับทุกฝ่าย จากภาพของงานที่ปรากฏให้เห็นถือว่าประสบความสำเร็จมาก คนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวจากการที่ฮอนด้าจัดกิจกรรมนี้ขึ้น.


ที่มา : ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- พฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม 2553 00:00:02 น.





HONDA ขอชี้แจง


จากคอลัมน์ ซาซือเจ๊ ฉบับ 2,254 กับประเด็น ฮอนด้า ''''''ชุ่ย'''''' อีกแล้วครับท่าน!! ซึ่งได้พูดถึงเรื่องของ เจ้าของรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ZX คนหนึ่ง ที่ได้รับบริการแบบไม่น่าประทับใจจาก ศูนย์บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงของฮอนด้า และการให้บริการของศูนย์บริการ สาขาบางบอน ซึ่งทางผู้เขียนคอลัมน์ ก็ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ กับกรณีกล่าวอ้างถึงศูนย์บริการผิดพลาด จากศูนย์บริการ บางบอน เป็นศูนย์บริการบางพลัด


เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนั้น เป็นเพราะเจ้าของรถ ประสบปัญหาเกียร์กระตุกขณะขับรถ และได้นำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์ฮอนด้า บางบอน แต่ครั้งแรก ไม่พบสิ่งผิดปกติ แถมท้ายรถกลับมีแพ็กน้ำไม่พึ่งประสงค์เพิ่มขึ้นมา ครั้นนำรถกลับมาขับ อาการกระตุกก็ยังเป็นไม่เลิก จึงนำกลับไปตรวจเช็กอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ พบอาการผิดปกติจริงๆ และทางศูนย์ก็ดำเนินการ เพื่อให้เจ้าของ นำรถเข้าศูนย์ เพื่อเปลี่ยนอะไหล่ที่เป็นสาเหตุแห่งการกระตุก


แต่...ด้วยความโชคร้าย คราวนี้ คงต้องบอกว่า โชคร้ายทั้ง เจ้าของรถ และ ฮอนด้า เลยว่างั้น


ความโชคร้ายของ เจ้าของรถ คือ โชคร้ายที่รถไปเกิดอาการและดับในที่เปลี่ยว แล้วก็ดันไปเจอกับผู้ไม่ประสงค์ดี ที่พร้อมจะทุบและฉกชิงรถ ครั้นเธอโทร.เข้าศูนย์บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงของฮอนด้า ก็โชคร้ายอีกที่โทร.ไม่ได้ โทร.ไม่ติด ความไม่พอใจที่สะสมอยู่ตั้งแต่ครั้งแรก ที่รถเกิดอาการ แต่ศูนย์กลับตรวจไม่พบ และเมื่อพบแล้ว ยังมีขั้นตอนในการแก้ไข ที่ไม่ทันใจคนทำงาน ที่ต้องใช้รถทุกวันเช่นเธอ ผลก็คือ ความรู้สึกที่เสียหาย กับแบรนด์ ฮอนด้า ที่เธอบอกตั้งแต่ต้นเลยว่า แบรนด์นี้ คือแบรนด์รถในดวงใจ


ส่วนความโชคร้าย ของ ฮอนด้า คือ เหตุที่เกิดขึ้น เผอิญมาเข้าหูสื่อ ผลก็คือ นอกจากภาพลักษณ์ที่เสียในสายตาและความรู้สึกของ เจ้าของรถ แล้ว ภาพลักษณ์ของ ฮอนด้า ยังเสียหาย เพราะข่าวเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ลงในคอลัมน์ ซาซือเจ๊ ด้วย


ผู้บริหารของ ฮอนด้า จึงเข้าพบ และชี้แจงที่มาที่ไปกับ ฐานเศรษฐกิจ และยอมรับในข้อผิดพลาดของการตรวจเช็ก และเล่าถึงความคืบหน้าว่า จริงๆ แล้ว ในวันที่หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,254 วางแผง ขั้นตอนการทำงาน และการส่งรถคืนให้ลูกค้า ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และระหว่างที่รถเข้าศูนย์ซ่อม ทางบริษัทก็จัดการนำรถสำรองให้ลูกค้าใช้ชั่วคราว เพราะทราบว่าเจ้าของรถมีภารกิจที่ต้องใช้รถเป็นประจำทุกวัน


แต่ไหนๆ ผู้บริหารของ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ให้เกียรติกับ ฐานเศรษฐกิจ เข้ามาชี้แจงแถลงไขกันแล้ว เราเลยขอถามให้เคลียร์ๆ ว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น กับความกระตือรืนร้นในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ เกิดขึ้นเพราะเรื่องมันกลาย เป็นข่าว ไปแล้วหรือเปล่า ซึ่งคำตอบที่ชัดเจน คือ ไม่เกี่ยวเลย เพราะทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอน และฮอนด้าก็พร้อมจะดูแลและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอยู่แล้ว วันที่หนังสือพิมพ์วางแผง วันนั้นภารกิจการแก้ไขปัญหาทุกอย่างก็จบสิ้นไปแล้วอย่างที่บอก เพราะฉะนั้น คอนเฟิร์มว่า ไม่ใช่ว่าเป็นข่าวแล้ว บริษัทถึงเร่งแก้ไข ขอให้ลูกค้าทั้งหลายสบายใจได้


และอีกหนึ่งคำถาม ที่เป็นข้อข้องใจของลูกค้า ที่มีประสงค์จะซื้อรถทั้งหลาย หรือไม่ได้ประสงค์จะซื้อก็ตามที แต่มักได้ยินกันบ่อยๆ ว่า การซื้อรถก็เหมือนแทงหวย...ซื้อแล้วต้องมาลุ้นว่า จะถูกหรือไม่ถูก ที่ว่าถูกหรือไม่ถูกนี้ หมายถึง ใช้ได้ดีหรือไม่ได้ดี เนื่องจากรถยนต์แต่ละล็อต แต่ละรุ่น จะมีแจ๊ก


พอต รถที่มีปัญหาอยู่ทุกรุ่น ตาดีก็ได้ตาร้ายก็เสีย ก็เหมือนสาวเจ้าของรถฮอนด้า ซิตี้ ZX ที่เกิดเป็นกรณีขึ้นมานี่แหละ แจ๊กพอตเข้าอย่างจังกับความผิดพลาดที่เกิดจากชิ้นส่วนของในกระปุกเกียร์ แต่รถยนต์ราคาไม่ใช่บาทสองบาท ต้องจ่ายเป็นแสน บางคันก็เป็นหลักล้าน หากจะต้องมานั่งเสี่ยงทาย ว่าซื้อมาแล้วจะซวยมั้ย จะแจ๊กพอตเจอคันที่มีปัญหามั้ย แบบนี้ลูกค้าที่ไหนก็ทำใจไม่ได้นะขอรับ


จากคำถามนี้ ผู้บริหารให้คำตอบชัดเจนอีกเช่นกันว่า เทคโนโลยีที่ใช้ในรถ เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ก็เหมือนคอมพิวเตอร์นั่นแหละ ที่สามารถ error สามารถรวนได้ เพราะฉะนั้น จึงเป็นไปได้ที่รถยนต์ จะเจอโปรแกรม error เช่นกัน เพียงแต่ว่า...บริษัทผู้ให้บริการ อย่างฮอนด้า เขามีวิธีในการซุ่มตัวอย่าง มีวิธีค้นหาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความผิดพลาดของระบบการทำงานของรถให้กับลูกค้าของเขา เช่น มีการแจ้งว่ารถคันนี้มีปัญหา บริษัทก็จะส่งพนักงานไปเยี่ยมลูกค้า ตรวจสอบดูว่าปัญหาเกิดจากอะไร ข้อผิดพลาดเกิดจากอะไร หลังจากนั้นก็จะแก้ไข และให้การดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี


หากจะพูดอย่างเป็นกลาง ก็ต้องยอมรับว่า อิเล็กทรอนิกส์ มันเป็นเทคโนโลยีที่มีปัญหาได้จริงๆ ก็ขนาดเครื่องบินยังตกได้ ทำไมรถจะมีปัญหากับระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องยนต์ไม่ได้ แต่...ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของบริษัทเจ้าของรถนั่นแหละ ที่จะติดตามดูแลแก้ไข ปัญหาให้กับลูกค้าของเขาได้ดี และทันกาลแค่ไหน และนั่นคือความประทับใจ ที่จะมีต่อๆ ไปในอนาคต


ที่มา : ข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ http://news.thaieasyjob.com/economic/show_news-8113-5.html






ฮอนด้าปรับเป้าปีนี้ เพิ่มเป็น 1.1 แสนคัน


บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและ ส่งออกรถยนต์นั่งรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ฮอนด้าช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 อยู่ที่ 51,782 คัน เพิ่มขึ้น 30% จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (39,967 คัน) ส่งผลให้ฮอนด้ามีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.5% และติดอันดับท็อป 3 ในตลาดรถยนต์ของประเทศไทย


ผลประกอบการดังกล่าวมาจากยอดขายรถยนต์รุ่นที่ขายดี ของฮอนด้าคือ ฮอนด้า ซิตี้ และซีวิค และที่เปิดตัวล่าสุด คือ ฮอนด้า ฟรีด ที่ปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาดรถเอ็มยูวี (รถยนต์นั่งอเนก ประสงค์) รวมถึงรถรุ่นอื่นๆ ของบริษัทฯ อาทิ ฮอนด้า แจ๊ซ แอคคอร์ด และซีอาร์วีด้วย


มร.อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "เรามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งในศักยภาพการเติบโตของตลาดรถยนต์ประเทศไทย พิจารณาจากเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ระดับรายได้ที่สูงขึ้น และนโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย เราเชื่อว่าตลาดรถยนต์จะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะยาว และส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งจะขยับขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกันกับรถปิกอัพที่ จำหน่ายในประเทศไทยภายในอีกครึ่งทศวรรษข้างหน้า"


ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 ตลาดรถยนต์โดยรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตรา 154% เป็น 356,692 คัน ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งเติบโตเพิ่มขึ้น 160% เป็น 153,273 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43% ของตลาดรถยนต์โดยรวม ฮอนด้าเชื่อว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะมียอดขายรวมอย่างน้อย 650,000 คันในปี 2553 เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ประมาณ 20% และคาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศจะเพิ่มขึ้นถึง 800,000 คันในอีกสามปีข้างหน้า


มร.ฟูจิโมโตะ กล่าวว่า ความสำเร็จของฮอนด้าในประเทศไทยเป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของ บริษัทฯ ที่จะทำความเข้าใจความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และสนองตอบให้เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า ด้วยการนำเสนอรถยนต์คุณภาพที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นมีสไตล์ ขับขี่สนุก และประหยัดเชื้อเพลิง จากกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์และรถยนต์คุณภาพของ บริษัทฯ ทำให้ฮอนด้าปรับเป้ายอดขายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 110,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 17% ของตลาดรถยนต์โดยรวม


"เราตั้งใจจะทำให้ฮอนด้าเป็นแบรนด์ที่เป็นที่ต้องการและได้รับความนิยม สูงสุดในประเทศไทย ด้วยการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ให้เหนือกว่าความต้องการในการขับขี่ของลูกค้า รวมไปถึงตอกย้ำความเชื่อถือและความเชื่อมั่นของลูกค้า พูดง่ายๆ ก็คือ เราอยากจะให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ฮอนด้าเป็นเพื่อนที่เข้าใจความต้องการและ ไลฟ์สไตล์ของเขา" มร.ฟูจิโมโตะ กล่าว


นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริโภคชาวไทยค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความต้องการในการขับขี่จากรถปิกอัพและรถซีดานขนาดใหญ่มาเป็นรถ ขนาดเล็กที่ประหยัดเชื้อเพลิง ดีไซน์เท่ ให้สมรรถนะและระดับความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่ราคาน้ำมันซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังสูงอยู่ และความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นในหมู่คนซื้อรถก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ เร่งให้เกิดกระแสดังกล่าว


การที่ผู้บริโภคเลือกใช้รถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นแนวโน้มที่ดี สำหรับฮอนด้า ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวรถอีโคคาร์ในเมืองไทยในปี 2554 ซึ่งรถอีโคคาร์ของฮอนด้าที่ได้รับการออกแบบสไตล์สปอร์ตและประหยัดน้ำมันจะ เป็นสมาชิกใหม่ในสายผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าที่คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างท่วม ท้นจากผู้บริโภค เมื่อออกสู่ตลาดในปีหน้า


"ฮอนด้าก้าวนำหน้าเทรนด์ใหม่ๆ ในตลาดเสมอ เราเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ที่เข้าร่วมโครงการรถอีโคคาร์ของประเทศไทย และได้ลงทุนไปกว่า 6,200 ล้านบาทในโรงงานผลิตแห่งที่ 2 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพราะเชื่อว่ารถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อน อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยให้ก้าวไปข้างหน้า" มร.ฟูจิโมโตะ กล่าว


ถึงวันนี้ฮอนด้าได้ลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 21,000 ล้านบาท ทำให้เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนต่างชาติรายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันโรงงานผลิตระดับโลกในประเทศไทยของบริษัทฯ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก เป็นรองเพียงโรงงานผลิตในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐ จีน แคนาดา และอังกฤษ โดยเป็นโรงงานที่มีสภาพแวดล้อมปลอดภัยและเอื้อต่อการทำงานที่สุดแห่งหนึ่งใน อุตสาหกรรมยานยนต์


ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- เสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 2553 00:00:16 น.






สนุกทุกที่ถ้ามีแจ๊ซ...


เมื่อเร็วๆ นี้ทางบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการออกสปอร์ตโฆษณารถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูขึ้นทางโทรทัศน์โดยถือเป็นรถยอดนิยมที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่น ใหม่ได้อย่างลงตัวทั้งด้านดีไซน์ และประโยชน์ใช้สอยสามารถสร้างสรรค์ไอเดียสนุกๆ ใหม่ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาโดยนำเสนอคอนเซ็ปท์ผ่านฮอนด้าแจ๊ซ 3 สีโดดเด่นทั้งสีเหลือง สีฟ้า และสีขาว


อย่างไรก็ตามบริษัท เอเยนซี ที่ร่วมจัดทำ คือ บริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ คือ บริษัท มาโชแมงโก้ จำกัด ภายใต้ชื่อภาพยนตร์โฆษณา คือ Fun Everywhere


โดยผลงานดังกล่าวถือเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ความสนุกผ่านสีสันที่ เชื่อมต่อกันได้ให้กับเพื่อนๆ ในการทำกิจกรรมอินเทรนด์ต่างๆ จากฮอนด้า แจ๊ซ ซึ่งสามารถส่งต่อความสนุกไปถึงผู้ที่ใช้ฮอนด้าแจ๊ซได้อีกมากมายจนเกิดเป็น ความสนุกไปทุกที่ และหลากหลายความสนุกกว่าที่เคย


ด้วยเพลงประกอบที่ร้องโดยคุณเจ-เจตมนต์ มละโยธา ภายใต้สังกัด Small Room ซึ่งทำเพลงโฆษณาที่มีเนื้อหาติดหู และฮอตฮิตจนได้รับรางวัลเพลงโฆษณา Bad Award 3 ปีซ้อน สำหรับเพลง Jazz Everyone ในครั้งนี้เป็นแนวเพลง POP ROCK ที่มีทำนอง สนุกสนาน น่ารักสดใสโดดเด่นด้วยเสียงกลอง และเสียงกีตาร์สุดเปรี้ยว


พร้อมการร้องแบบซนๆ ทำให้เพลงนี้ฟังแล้วยิ่งคึกคักสนุกสนานยิ่งขึ้นสมกับคอนเซ็ปท์ Jazz Everyone...Fun Everywhere นั่นเอง...


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2553 02:59:12 น.






พบความสนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้นกับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตปีที่ 4 ใน ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส 2010

ความเร้าใจใหม่ใน ซีวิค วันเมคเรซ ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 225 แรงม้า นับเป็นการแข่งขันวันเมคเรซที่มีเครื่องยนต์แรงที่สุดในประเทศไทย


• เปิดตัวสนามแข่งความยาว 2.2 กิโลเมตรใหม่ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองไทย


• สร้างสรรค์กิจกรรมบันเทิงภายใต้แนวคิด ”ฮอนด้า ฟัน ปาร์ค” สำหรับครอบครัวและเด็ก ๆ ที่เข้าชมงาน


วันนี้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศ เปิดงาน ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส 2010 ซึ่งจัดขึ้นในปีนี้เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน โดยถือเป็นกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตที่มีความสนุกสนานและตื่นเต้นที่สุดงานหนึ่งของประเทศไทย และได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักแข่งและแฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ต ไฮไลต์ของปีนี้ที่จะทำให้อะดรีนาลีนของบรรดานักแข่งสมัครเล่น กึ่งอาชีพและอาชีพสูบฉีด รวมถึงจะทำให้ผู้เข้าชมการแข่งขันได้รับความสนุก ตื่นเต้นและเร้าใจยิ่งขึ้น ได้แก่ การปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ใน ซีวิค วันเมคเรซ จากเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรใหม่ ที่มีสมรรถนะสูงถึง 225 แรงม้า นับเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่เคยใช้ในการแข่งขันวันเมคเรซในประเทศไทย และสนามแข่งขันแห่งใหม่ความยาว 2.2 กิโลเมตรในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศไทย


มร. อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “การจัดกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตอย่าง ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส นี้นับเป็นโอกาสดีที่ฮอนด้าจะได้พิสูจน์ถึงเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและสมรรถนะของรถยนต์ พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็น แบรนด์รถยนต์ที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ขณะเดียวกันก็เป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงฮอนด้ากับลูกค้าที่ชื่นชมกีฬามอเตอร์สปอร์ตอีกด้วย”


มร. ฟูจิโมโตะ กล่าวว่า นักแข่งและผู้ชื่นชมกีฬามอเตอร์สปอร์ตจะพบกับความเร้าใจและความท้าทายใหม่ๆ ด้วยรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค 2.0 ลิตร 225 แรงม้า จากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และสนามแข่งขันเฉพาะกิจแห่งใหม่ที่ จ. ภูเก็ต “เราตั้งใจที่จะสร้างให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจเพิ่มขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้นิยมกีฬาแข่งรถชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้าร่วมในกิจกรรม ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมุ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศสู่จังหวัดที่จัดการแข่งขัน โดยในปีนี้เราจะจัดการแข่งขันที่สนามแข่งในจังหวัดเพชรบุรี พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่ง ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส จะดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่จังหวัดเหล่านี้แน่นอน” มร. ฟูจิโมโตะ กล่าว


ในการแข่งขัน ซีวิค วันเมคเรซ จะมีนักแข่งกึ่งอาชีพและอาชีพร่วมแข่งขันจำนวนกว่า 15 คน (คลาส-เอ บี และซี) ด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตของ รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค และการปรับแต่งเพื่อใช้ในการแข่งขันวันเมคเรซ โดยเริ่มแข่งขันเมื่อสองปีที่ผ่านมา ฮอนด้า ซีวิค นับเป็นรถแข่งที่ได้รับความนิยมจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยด้วยคุณสมบัติด้านความปราดเปรียว การบังคับควบคุมและสมรรถนะ การเพิ่มแรงม้าให้สูงขึ้นในรถยนต์ฮอนด้า ซีวิคในครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อมอบประสบการณ์การแข่งขันที่เร้าใจแก่ผู้เข้าแข่งขัน การแข่งขัน ซีวิค วันเมคเรซ ในปีนี้จะใช้เครื่องยนต์ที่แรงที่สุดที่เคยใช้ในการแข่งขันวันเมคเรซในประเทศไทย


อีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นและมีนักแข่งและแฟนมอเตอร์สปอร์ตเข้าร่วมมากมายได้แก่ การแข่งขัน แจ๊ซ วันเมคเรซ ซึ่งปีนี้มีนักแข่งสมัครเล่น 20 คน (คลาส ซี) จะลงสนามแข่งขันด้วยรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ 120 แรงม้า


ภายใต้ข้อกำหนดที่เข้มงวดของฮอนด้า การแข่งขัน แจ๊ซ วันเมคเรซ และ ซีวิค วันเมคเรซ จะเข้มข้นเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้เข้าแข่งขันจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดัดแปลงรถยนต์ของตนเพิ่มเติมได้ นอกจากการแข่งขันแจ๊ซ วันเมคเรซและซีวิค วันเมคเรซแล้ว ยังมีนักขับมืออาชีพและกึ่งมืออาชีพมากกว่า 30 คนที่เข้าแข่งขันใน ฮอนด้า โปรคัพ และนักแข่งมือสมัครเล่นอีกกว่า 30 คนที่เข้าแข่งขันใน ฮอนด้า คลับเรซ


สำหรับผู้ชนะการแข่งขันประจำปีในรายการ แจ๊ซ วันเมคเรซ และ ซีวิค วันเมคเรซ และ ฮอนด้า โปรคัพ จะได้รับถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ


มร. ฟูจิโมโตะกล่าวเพิ่มเติมว่า “ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่ฮอนด้าให้ความสำคัญในอันดับแรกเสมอ และเราได้ร่วมมือกับทางผู้จัดการแข่งขันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส มีมาตรการความปลอดภัยสูงสุดทั้งสำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชม นอกจากนี้ เรายังมุ่งให้ผู้เข้าร่วมงาน ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟสทุกคน รวมทั้งนักแข่ง แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต ตลอดจนประชาชนที่สนใจทั่วไปได้รับความสนุกสนานอย่างเต็มที่อีกด้วย”


ปีนี้ ฮอนด้าตั้งใจจะให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส ในเรื่องความปลอดภัยในท้องถนนและความปลอดภัยของการแข่งขัน และเรียนรู้หลักเกณฑ์พื้นฐานที่จำเป็นในการควบคุมบังคับรถยนต์ ข้อเตือนใจในด้านความปลอดภัย รวมทั้งการให้คำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อให้ทราบถึงการแข่งขันควรทำในสนามแข่งขันเท่านั้น ไม่ใช่บนท้องถนน


ผู้ร่วมงาน ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส ในปีนี้จะได้พบกับกิจกรรมที่จัดขึ้นที่บริเวณรอบนอกของสนามแข่งขัน ซึ่งจะเพิ่มความคึกคักและมอบประสบการณ์ความสนุกสนานสำหรับครอบครัวและเด็ก ๆ ภายใต้บรรยากาศ “ฮอนด้า ฟัน ปาร์ค” โดยฮอนด้าจะจัดโซนพิเศษที่ประกอบด้วยสวนน้ำ คิดโซน โกคาร์ท เกมส์โซน มินิคอนเสิร์ต ชอปปิ้งสตรีท ฟู้ดสตรีท และออโต้ซาลอนที่แสดงรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์สปอร์ตของฮอนด้า


สำหรับผู้ชมที่ประสงค์จะสัมผัสประสบการณ์ของการแข่งขันทั้งในและนอกสนามแข่ง สามารถเข้าร่วมกิจกรรม ฮอนด้า พิททัวร์ เพื่อชมการทำงานของทีมแข่งและพบปะนักแข่งในบริเวณพิท ฮอนด้า ฮอทแล็ป ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีประสบการณ์แข่งขันในสนามแข่งขันโดยร่วมนั่งในรถแข่งกับผู้ขับที่เป็นนักแข่งขันระดับมืออาชีพ รวมทั้ง ฮอนด้า แทร็ค เอ็กซ์พีเรียนซ์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมนำรถยนต์ฮอนด้าของตนลงขับในสนามแข่งขันด้วยตนเอง


ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส 2010 จะจัดขึ้น ณ สนามแข่งขันถาวรและชั่วคราวทั้งหมดห้าสนามในสี่จังหวัด โดยจะเริ่มที่จังหวัดเพชรบุรี (แก่งกระจาน รอบแรก วันที่ 20 มิ.ย.) พัทยา (สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต รอบ 2 และ 3 วันที่ 28-29 ส.ค.) เชียงใหม่ (สนามกีฬาฯ 700 ปี รอบ 4 วันที่ 10 ต.ค.) และปิดท้ายที่รอบ 5 ณ สนามแข่งเฉพาะกิจแห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ตที่สนามกีฬาสะพานหิน ซึ่งจะแข่งขันในวันที่ 28 พฤศจิกายน


ฮอนด้าเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติหลายรายการ


ที่มา : http://www.honda.co.th/th/news-release/index.php


วันที่ : 02/06/2010






ฮอนด้า จัดโครงการ “ฮอนด้า อาซิโม ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 6”


กลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทยขอเชิญเพื่อนๆ สื่อมวลชน สัมผัสกับพัฒนาการของจินตนาการเด็กไทยในโครงการ “ฮอนด้า อาซิโม ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 6”พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมเวิร์คช้อป เสริมเทคนิคการประดิษฐ์โมเดล อย่างง่ายๆ แต่สร้างสรรค์ด้วยตัวเอง


วันพุธที่ 18 สิงหาคม 2553 เวลา 13.00 — 16.00 น. ณ ห้องแกรนด์รัชดาบอลรูม ชั้น 5 อาคารธารทิพย์ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค (รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีรัชดา)


พบกับกิจกรรมดีๆ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์เด็กไทย ได้แก่


? พูดคุยกับอดีตแชมป์ ฮอนด้า อาซิโม ซูเปอร์ ไอเดีย


คอนเทสต์...แรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จในวันนี้


? เวิร์คช้อปการสร้างโมเดลให้เคลื่อนไหวได้ด้วยกลไก


ของเล่น” โดยกลุ่มรุ่งอรุณ


? เทคนิคการเติมศิลปะ เพิ่มสีสันให้กับผลงาน


โดย โรงเรียนศิลปะเด็กไทยสร้างสรรค์


ที่มา : ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- พุธที่ 11 สิงหาคม 2553 14:44:24 น.


กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์






บทพิสูจน์แห่งความลงตัว ที่ดันยอดขายฮอนด้า ฟรีดล้น!


เมื่อเร็วๆ นี้ทางบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าล่าสุดโดยมีจำนวน 7,846 คัน และมียอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน 29,739 คัน เติบโตขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 13.3% ของตลาดรถยนต์โดยรวม (223,930 คัน) และ 29.9% ของตลาดรถยนต์นั่ง (92,521 คัน)


โดยแบ่งออกเป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้ ฮอนด้า ซิตี้ มียอดจำหน่าย 3,008 คัน มียอดสะสม 11,447 คัน คิดเป็น 24.9% และแจ๊ซ มียอดจำหน่าย 1,237 คัน มียอดสะสม 4,570 คัน คิดเป็น 9.9% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทซับคอมแพคท์


ส่วนฮอนด้า ซีวิค มียอดจำหน่าย 2,374 คัน มียอดสะสม 8,496 คัน คิดเป็น 30.6% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทคอมแพคท์ สำหรับฮอนด้า แอคคอร์ดมียอดจำหน่าย 424 คัน มียอดสะสม 1,828 คัน คิดเป็น 18.2% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภทแฟมิลี่ฮอนด้า ฟรีด มียอดจำหน่าย 265 คัน มียอดสะสม 1,285 คัน คิดเป็น 30% ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกลุ่มรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ MPV และฮอนด้า ซีอาร์-วี มียอดจำหน่าย 538 คัน มียอดสะสม 2,113 คัน คิดเป็น 12.9% ในกลุ่มรถยนต์นั่งประเภท SUV/PPV


อย่างไรก็ตามหากเรามาย้อนมองกันถึงรถที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เพียงไม่กี่ เดือนหลายๆ คนคงต้องยอมรับว่า ฮอนด้า ฟรีด ถือเป็นรถที่เติบโตได้ดีที่เดียวซึ่งสาเหตุของการเติบโตได้ดีในขณะนี้คงเป็น เพราะฮอนด้า ฟรีด ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ซึ่งต้อง การรถยนต์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ และการขับขี่จริงๆ


หลายๆ ท่านคงจำได้ว่า หลังจากที่ค่ายฮอนด้า ออโตโมบิล เปิดตัวรถอเนกประสงค์ฮอนด้าฟรีดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทางฮอนด้าก็นำคณะสื่อมวลชนไปร่วมทดสอบถึงสมรรถนะของผลิตภัณฑ์


โดยการทดสอบนี้คณะสื่อมวลชนได้นำรถรุ่นท็อปสุดที่มีระบบนำทาง หรือ เนวิเกเตอร์มาทดลองขับโดยใช้เส้นทางจากโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ไปหัวหิน และในวันรุ่งขึ้นก็ขับกลับมาจบที่โรงแรมที่เดิมรวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตรแต่ก็ผลัดกันขับผลัดกันนั่งกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอื่นๆ


ทั้งนี้ฮอนด้า ฟรีด มีความยาว 4,215 มิลลิเมตร(ฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร) กว้าง 1,700 มิลลิเมตร สูง 1,735 มิลลิเมตร(ความสูงภายในห้องโดยสาร 1,265 มิลลิเมตร) ผสานการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครโดยใช้ประโยชน์จากรูปทรงสาม เหลี่ยม และสี่เหลี่ยมซึ่งให้ทั้งความรู้สึกแข็งแกร่งไดนามิก และความกว้างขวางสะดวกสบาย


อย่างไรก็ตามจุดเด่นของฮอนด้าฟรีดคงหนีไม่พ้นเรื่องของระบบประตูสไลด์ ไฟฟ้าที่ถือเป็นจุดขายของเจ้าฟรีดคันนี้ เพราะถือว่าฉีกแนว และตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการขึ้นลงของผู้โดยสารได้ดีทีเดียวโดยฮอนด้า ฟรีด มีประตูเลื่อนแบบอัตโนมัติซ้าย-ขวา เปิดได้กว้างสุด 600 มิลลิเมตร ให้ความสะดวกแก่เด็ก และคนชราในการขึ้น และลงรถ นอกจากนั้นการก้าวขึ้นและลงยังสะดวกสบายเพราะพื้นรถยนต์สูงกว่าพื้นถนนเพียง 410 มิลลิเมตรเท่านั้น


ต่อมาคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกประการหนึ่ง คือ คอนโซลหน้าแบบ 2 ชั้นออกแบบให้กว้าง และสามารถใช้งานได้หลากหลาย การออกแบบยังเน้นความรู้สึกกว้างขวาง และเหมาะแก่การใช้งานเพราะสามารถวางอาหาร หรือ เครื่องดื่มได้ด้วย


ในแง่ของเครื่องยนต์ฮอนด้า ฟรีด ติดตั้งเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร ขนาด 118 แรงม้าระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด Shift Hold Control Transmission ใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และมีค่ามาตรฐานไอเสียเทียบเท่าระดับยูโร 4


ซึ่งในแง่ของการขับขี่นั้นหลังจากที่ได้ทดสอบแล้วจัดว่า ตอบสนองสมตัว กำลังดี ไม่อืดหรือไม่แรงเกินความเป็นรถแบบครอบครัวเพราะอัตราการเร่งแซงในช่วงต้นๆ นั้นทำได้ดีส่วนช่วงปลายไม่ค่อยไหลเท่าที่ควร


ทั้งนี้ช่วงเวลาแห่งการขับขี่เรียกว่า ฟรีดให้ทัศนวิสัยการมองที่กว้างขวางชัดเจนดี เรือนไมล์สีน้ำเงิน รูปทรงใหม่ดูทันสมัย นอกจากนี้การเก็บเสียงจากภายนอกค่อนข้างประทับใจส่วนระบบช่วงล่างถือว่านิ่ง เกาะถนนสมกับราคาจริงๆ


นับว่าเป็นการเปิดตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กที่น่าจับตาทีเดียวในยุคที่ หลายๆ ฝ่ายมองหาในเรื่องของความประหยัดแต่ใช้งานอเนกประสงค์ในหลายๆ ด้าน


ฮอนด้า ฟรีด มีให้เลือกสี่รุ่น คือ รุ่น S รุ่น E รุ่น E Sport และรุ่น E Navi Sport โดยฮอนด้า ฟรีด S ราคา 894,500 บาท ฮอนด้า ฟรีด E ราคา 974,500 บาท ฮอนด้า ฟรีด E Sport ราคา 1,014,500 บาท และฮอนด้า ฟรีด รุ่น E Navi Sport มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์ เครื่องเล่นดีวีดี กล้องส่องภาพด้านหลัง กระจังหน้าแบบสปอร์ต ไฟตัดหมอกคู่หน้า สปอยเลอร์หลัง คิ้วบันไดสแตนเลส และหัวเกียร์หุ้มหนัง จำหน่ายในราคา 1,074,500 บาท


ท้ายนี้คงบอกได้ว่า การที่ฮอนด้า ฟรีด มียอดจำหน่ายที่สูง และเติบโตได้ดีขนาดนี้คงอาจชี้ให้เห็นถึงบทพิสูจน์ศักยภาพ สมรรถนะ การยอมรับ และความลงตัวทั้งราคาที่สอดคล้องกับคุณภาพของตัวรถ


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2553 09:01:05 น.






แจ๊ซ, ซีวิค, ซีอาร์-วี คว้ารางวัลความพึงพอใจ


รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งด้านออกแบบ และสมรรถนะ (Automotive Performance, Execution and Layout-APEAL) ประเภทรถยนต์นั่งขนาด Entry Midsize ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ส่วนฮอนด้า ซีวิค ก็ได้รับรางวัลนี้เช่นกันในประเภทรถยนต์นั่ง ขนาด Midsize


นอกจากนี้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งด้านคุณภาพ (Initial Quality Study-IQS) ประเภทรถยนต์นั่งสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ในประเทศไทย จากรายงานของ J.D. Power Asia Pacific 2009


รายงานการศึกษาด้านการออกแบบและสมรรถนะนี้ เป็นการวัดความพึงพอใจของเจ้าของรถยนต์ใหม่ที่มีต่อสมรรถนะ ระบบการทำงานและรูปลักษณ์ โดยครอบคลุมระบบต่างๆ ในรถยนต์ 8 ระบบ ได้แก่ เครื่องยนต์/ระบบส่งกำลัง, ค็อกพิต/แผงหน้าปัด, ระบบขับขี่/การควบคุม/เบรก, ระบบปรับอากาศ, ความสะดวกสบาย, ระบบเครื่องเสียง, เบาะที่นั่งและการออกแบบรถ


ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- พุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 09:24:06 น.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น